
โรค ibs หรือลำไส้แปรปรวน อาการยอดฮิตในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ เป็นโรคปวดท้องบิด ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับความเครียด พฤติกรรมการรับประทานอาหาร และการติดเชื้อในลำไส้
เครียดมากไปก็เป็นภัย มาทำความรู้จัก “โรค IBS” ตัวทำลายความสุข
ในยุคที่ความเร่งรีบและความเครียดกลายเป็นเรื่องปกติ “โรคลำไส้แปรปรวน” หรือ IBS (Irritable Bowel Syndrome) ก็เริ่มแทรกซึมเข้ามาเป็นภัยเงียบที่คอยทำลายความสุขของใครหลาย ๆ คน โดยโรคนี้จะส่งผลต่อการทำงานของลำไส้โดยตรง ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเสียหรือท้องผูก และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก แม้ว่าจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็สามารถสร้างความทรมานและรบกวนคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ไม่น้อย ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ เพื่อให้ทุกคนสามารถรับมือ รวมถึงจัดการกับอาการได้อย่างเหมาะสม
โรคลำไส้แปรปรวน คืออะไร ทำไมเป็นแล้วต้องปวดท้อง
โรคลำไส้แปรปรวน คือ ภาวะผิดปกติของระบบทางเดินอาหารส่วนล่าง โดยเฉพาะลำไส้ใหญ่ ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ หรือผายลมบ่อยครั้ง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของลักษณะการขับถ่าย เช่น ท้องเสีย ท้องผูก หรือท้องเสียสลับกับท้องผูก ยังไม่มีสาเหตุการเกิดโรคที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดมาจากการทำงานที่ผิดปกติของการสื่อสารระหว่างสมองและลำไส้ ทำให้ลำไส้มีความไวต่อสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ มากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ความเครียด หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ล้วนส่งผลให้กล้ามเนื้อลำไส้บีบตัวผิดปกติ จนนำไปสู่อาการปวดท้องและปัญหาในการขับถ่ายตามมา
โรคลำไส้แปรปรวน เกี่ยวข้องกับความเครียดอย่างไร
โรคลำไส้แปรปรวน เกี่ยวข้องกับความเครียดอย่างไร บอกได้ตรงนี้เลยว่า ทั้งสองส่วนมีความเชื่อมโยงกันโดยตรง เนื่องจากระบบประสาทในสมองและระบบประสาทในลำไส้มีการทำงานร่วมกัน เมื่อร่างกายของเราเผชิญกับความเครียด สมองจะส่งสัญญาณไปยังลำไส้ ทำให้ลำไส้เกิดการบีบตัวมากขึ้นหรือน้อยลงกว่าปกติ ซึ่งนำไปสู่อาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องผูกได้ นอกจากนี้ ความเครียดอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในลำไส้ และเปลี่ยนแปลงสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการของ ลำไส้แปรปรวน ได้เช่นกัน
มีใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคลำไส้แปรปรวน
มีใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคลำไส้แปรปรวน ถึงแม้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของ โรคลำไส้แปรปรวน ยังไม่ชัดเจน แต่มีปัจจัยบางอย่างที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ได้ เช่น
- หากมีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคลำไส้แปรปรวน ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ได้
- ความเครียดหรือภาวะทางจิตเวช เช่น ความวิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า
- การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
โรคลำไส้แปรปรวน มีอาการอย่างไร
ลำไส้แปรปรวน อาการ ที่พบบ่อย ได้แก่
- ปวดท้อง : เป็นอาการหลัก ๆ ที่มักเกิดขึ้น โดยอาจปวดแบบบีบ ๆ จุกเสียด หรือปวดทั่วท้อง มักจะดีขึ้นหลังจากการที่ได้ขับถ่ายออกไป
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ : รู้สึกแน่นท้อง มีลมในท้องมาก เรอ หรือผายลมบ่อย
- การเปลี่ยนแปลงของลักษณะการขับถ่าย : อาจมีอาการท้องเสียสลับกับท้องผูก อุจจาระอาจมีลักษณะเหลว เป็นมูก หรือแข็ง
นอกจากนี้ อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมเข้ามาด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ปวดหลัง หรือปัสสาวะบ่อย
การปรับเปลี่ยนอาหาร
การปรับเปลี่ยนอาหาร ลองสังเกตว่าอาหารชนิดไหนที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการและหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้น โดยปกติแล้วอาหารที่มักก่อให้เกิดปัญหา ได้แก่ อาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัด อาหารแปรรูป เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ รวมถึงอาหารบางชนิดที่อาจทำให้เกิดแก๊สในท้อง เช่น ถั่ว กะหล่ำปลี หัวหอม เป็นต้น วิธีเล็ก ๆ ที่ทำได้ง่าย ๆ ในการบรรเทาอาการท้องผูก คือ การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงและการดื่มน้ำให้มากขึ้น
การจัดการความเครียด
การจัดการความเครียด เนื่องจากความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นอาการของ ลำไส้แปรปรวน การเรียนรู้วิธีจัดการกับความเครียดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะฝึกเทคนิคต่าง ๆ เช่น การฝึกการหายใจ การทำสมาธิ การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย หรือการพูดคุยกับผู้ที่ไว้ใจ อาจช่วยลดระดับความเครียดและความวิตกกังวลได้
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่าย
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่าย สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย การฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลาอาจช่วยได้ และควรหลีกเลี่ยงการเบ่งถ่ายแรง ๆ และการใช้เวลาในห้องน้ำนานเกินไปก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
การใช้ยา
การใช้ยา แพทย์อาจพิจารณาให้ยาเพื่อช่วยบรรเทาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดท้อง ยาแก้ท้องเสีย ยาระบาย หรือยาที่ช่วยลดแก๊สในลำไส้ และการใช้ยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่แนะนำให้หาซื้อหรือรับประทานยาด้วยตัวเอง
การรักษาทางเลือก
การรักษาทางเลือกบางอย่าง เช่น การฝังเข็ม หรือการบำบัดทางจิตวิทยา (Cognitive Behavioral Therapy – CBT) อาจมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยบางรายในการจัดการกับอาการของ ลำไส้แปรปรวน อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษาแนวทางเหล่านี้
สรุป
โรคลำไส้แปรปรวน ไม่ได้รุนแรงถึงชีวิต แต่เป็นโรคที่กระทบต่อคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้ป่วย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีความเครียดสูง หรือรับประทานอาหารที่ผิดสุขลักษณะ อาจจะทำให้กระตุ้นอาการมากยิ่งขึ้น หากคุณสงสัยว่าตนเองมีอาการของ ลำไส้แปรปรวน อย่าลังเลที่จะเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง แผนกอายุรกรรมระบบทางเดินอาหาร ตับ ตับอ่อน และ ทางเดินน้ำดี ที่โรงพยาบาลสินแพทย์ของเรา เพื่อขอคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม และให้คุณสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่และมีความสุขอีกครั้ง