ภาวะนิ้วโป้งเท้าเอียง-กระดูกเท้าปูด ก่อให้เกิดอาการเจ็บ และส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ มารู้จักสาเหตุ อาการ วิธีรักษา และป้องกันภาวะกระดูกเท้าปูดที่นี่
ภาวะนิ้วโป้งเท้าเอียง หรือกระดูกเท้าปูดที่ทำให้เท้าดูผิดรูปเกิดจากอะไร มีผลกระทบอย่างไรต่อการใช้ชีวิตบ้าง รวมถึงจะมีแนวทางการรักษาและป้องกันด้วยวิธีใด บทความนี้มีคำตอบมาให้
ลักษณะของภาวะกระดูกนิ้วโป้งเท้าเอียง-ปูด
ภาวะกระดูกนิ้วโป้งเท้าเอียง หรือ Hallux Valgus เป็นความผิดปกติของโครงสร้างเท้าที่ทำให้นิ้วโป้งเท้าเอียงไปทางนิ้วชี้ และทำให้กระดูกฐานนิ้วโป้งด้านในเท้ายื่นออกมา จนสามารถสังเกตเห็นเป็นปุ่มนูนที่บริเวณโคนนิ้วโป้ง
โดยภาวะนิ้วโป้งเท้าเอียงและกระดูกเท้าปูดมีลักษณะที่เห็นได้ชัดคือ
- นิ้วโป้งเท้าเอียงไปทางนิ้วชี้
- มีปุ่มกระดูกนูนออกมาที่ฐานนิ้วโป้งด้านใน
- ผิวหนังบริเวณปุ่มกระดูกอาจมีการอักเสบ แดง และบวม
- อาจมีอาการปวดเมื่อสวมรองเท้าหรือเดินเป็นเวลานาน
ภาวะกระดูกนิ้วโป้งเท้าเอียง-ปูดพบได้บ่อยแค่ไหน ?
ภาวะกระดูกนิ้วโป้งเท้าเอียง หรือปูดสามารถพบได้บ่อย สูงถึงประมาณ 10-15% ในประชาชนทั่วไป และมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
สาเหตุของภาวะกระดูกนิ้วโป้งเท้าเอียง-ปูด
พันธุกรรม
เนื่องจากกระดูกเท้าปูดเป็นลักษณะของกระดูก และโครงสร้างเท้าที่ผิดปกติ หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ ก็มีโอกาสที่จะเกิดภาวะกระดูกนิ้วโป้งเท้าเอียงหรือปูดได้มากขึ้น
การสวมรองเท้าที่ไม่เหมาะสม
การสวมรองเท้าที่มีหน้าเท้าแคบ หรือรองเท้าส้นสูงเป็นประจำ ทำให้นิ้วเท้าถูกบีบและกดทับ ส่งผลให้นิ้วโป้งเท้าค่อย ๆ เอียงไปทางนิ้วชี้
การบาดเจ็บ
อุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณนิ้วโป้งเท้าหรือข้อต่อฐานนิ้วโป้ง อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างและทำให้เกิดภาวะนี้ได้
โรคข้ออักเสบ
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคเก๊าท์สามารถทำให้เกิดการอักเสบ จนข้อต่อเกิดการเปลี่ยนแปลง และนำไปสู่ภาวะนิ้วโป้งเท้าเอียงในที่สุด
อาการ และผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้ที่มีภาวะกระดูกนิ้วโป้งเท้าเอียง-ปูด
อาการปวด และอักเสบ
อาการปวด และอาการอักเสบ เป็นอาการที่พบได้บ่อยสำหรับผู้ที่มีกระดูกเท้าปูด หรือนิ้วโป้งเท้าเอียง โดยมักมีอาการปวด บวม แดง และร้อน บริเวณปุ่มกระดูกที่ยื่นออกมาเมื่อสวมรองเท้าที่คับหรือเดินเป็นเวลานาน
เคลื่อนไหวลำบาก
หากมีภาวะกระดูกเท้าปูด อาจมีความลำบากในการเคลื่อนไหวนิ้วโป้งเท้า ซึ่งจะส่งผลต่อการทรงตัว และการเดิน และอาจทำให้เกิดปัญหาการทำงานหากทำอาชีพที่ต้องยืน หรือเดินเป็นเวลานานเพราะจะเกิดความไม่สบาย และอาการปวด อีกทั้งยังออกกำลังกายได้ยากอีกด้วย
มีปัญหาในการสวมรองเท้า
เนื่องจากมีปุ่มกระดูกที่ยื่นออกมา ทำให้การหารองเท้าที่พอดีและสวมใส่สบายอาจเป็นเรื่องยาก และหากใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดอาการปวดที่ปุ่มกระดูกได้ด้วย
ผลกระทบทางจิตใจ
ภาวะกระดูกเท้าปูดอาจสร้างผลกระทบทางจิตใจได้ เพราะบางคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของเท้าตนเองที่ส่งผลต่อการเลือกรองเท้า และการแต่งกาย
ภาวะแทรกซ้อน
หากไม่ได้รับการรักษา ภาวะกระดูกเท้าปูดอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ได้ เช่น การเกิดแผลกดทับที่เกิดจากเล็บนิ้วโป้งจิกผิวหนัง และเนื้อของนิ้วชี้
แนวทางการรักษาภาวะกระดูกนิ้วเท้าเอียง
วิธีรักษากระดูกเท้าโปน หรือนิ้วเท้าเอียง แบ่งเป็น 2 วิธีหลัก ๆ ได้แก่
การรักษาโดยไม่ผ่าตัด
วิธีรักษานิ้วเท้าเอียงโดยไม่ผ่าตัด เป็นการลดอาการปวด และประคับประคองไม่ให้นิ้วเท้าเอียงเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจใช้วิธีเหล่านี้
- เลือกสวมรองเท้าหน้ากว้าง และมีความนุ่ม เพื่อป้องกันการเสียดสีบริเวณปุ่มกระดูก
- การกินยาลดอักเสบ ซึ่งควรให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่าย
- การใช้อุปกรณ์ที่ช่วยแยกนิ้วเท้าเพื่อช่วยบรรเทาอาการ ที่เรียกว่า Gel Toe Spreader
- การทำกายภาพบำบัด เพื่อลดอาการเจ็บ และลดโอกาสที่นิ้วโป้งจะเอียงเพิ่มขึ้น
การรักษาด้วยการผ่าตัด
หากกระดูกเท้าปูดรบกวนการใช้ชีวิตของผู้ป่วย แพทย์อาจรักษาด้วยการผ่าตัดปรับแนวกระดูกให้ปุ่มกระดูกที่ปูดออกมาหายไป และทำให้หน้าเท้าแคบลง ซึ่งแพทย์จะพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดเฉพาะในรายที่จำเป็นเท่านั้น
การป้องกันภาวะกระดูกนิ้วโป้งเท้าเอียง
- เลือกรองเท้าที่เหมาะสม โดยเลือกสวมรองเท้าที่มีหน้าเท้ากว้างพอ ไม่บีบนิ้วเท้า และมีส้นไม่สูงเกินไป
- รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสมเพื่อช่วยลดแรงกดทับที่เท้า
- ปรับเปลี่ยนท่าทางการยืนและเดิน โดยหลีกเลี่ยงการยืนในท่าเดียวนาน ๆ และฝึกเดินโดยกระจายน้ำหนักให้ทั่วทั้งเท้า
- นวดและยืดกล้ามเนื้อเท้าเป็นประจำเพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และลดความตึงของกล้ามเนื้อ
- พิจารณาใช้แผ่นรองฝ่าเท้าเพื่อช่วยพยุงเท้าหากมีปัญหาเท้าแบน หรือเท้าโก่ง
- คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเท้าและปรึกษาแพทย์หากพบความผิดปกติ
ภาวะกระดูกนิ้วโป้งเท้าเอียงรักษาได้ด้วยหลายวิธีทั้งผ่าตัด และไม่ต้องผ่าตัด หากมีอาการที่บ่งบอกถึงภาวะนิ้วโป้งเท้าเอียง ปรึกษาหมอกระดูกผู้เชี่ยวชาญได้ที่โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทราได้เลย โดยสามารถนัดหมายออนไลน์หรือปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Call Center : 02-793-5000