
อัปเดต 2025 อาการภูมิแพ้ที่คนเป็นมากขึ้น และวิธีรับมือในยุคที่สิ่งแวดล้อมเปลี่ยน
อาการภูมิแพ้ เป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมากและมีแนวโน้มที่จะพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม มลภาวะทางอากาศที่สูงขึ้น รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปและความหลากหลายของสารก่อภูมิแพ้ที่เราต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน การรู้เท่าทันชนิดของอาการภูมิแพ้ที่พบบ่อย รวมถึงการดูแลและป้องกันอย่างเหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและลดผลกระทบจากโรคภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมปี 2025 คนถึงเป็นภูมิแพ้มากขึ้น?
ในปัจจุบัน “สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราที่เปลี่ยนไป” ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในปี 2025 การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยอาการภูมิแพ้มีปัจจัยหลายประการที่เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
1. มลภาวะทางอากาศ
ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ยังคงเป็นวิกฤตในหลายพื้นที่ รวมถึงสารมลพิษอื่นๆ ในอากาศ สามารถกระตุ้นและทำให้อาการภูมิแพ้แย่ลงได้ อนุภาคขนาดเล็กเหล่านี้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ก่อให้เกิดการอักเสบและเพิ่มความไวต่อสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ
2. การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
รูปแบบของฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไป อุณหภูมิที่สูงขึ้นและความถี่ของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น ส่งผลต่อวงจรการเติบโตและการแพร่กระจายของละอองเกสรดอกไม้ ต้นไม้ และเชื้อรา ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญ
3. วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป
การใช้ชีวิตในเมืองที่มีการสัมผัสกับสารเคมีและสารก่อภูมิแพ้ใหม่ๆ มากขึ้น รวมถึงอาหารแปรรูป และความเครียดก็มีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการภูมิแพ้
4. สุขอนามัยที่เปลี่ยนแปลงไป
ทฤษฎีสุขอนามัย (Hygiene Hypothesis) กล่าวว่า การที่เด็กในปัจจุบันสัมผัสกับเชื้อโรคน้อยลง ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มมีแนวโน้มที่ตอบสนองต่อสารที่ไม่เป็นอันตรายมากขึ้น เช่น ละอองเกสรดอกไม้หรือโปรตีนในอาหารจนกลายเป็นอาการภูมิแพ้
อาการภูมิแพ้ที่มาแรงในปี 2025
จากแนวโน้มทางด้านสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้อาการภูมิแพ้ เหล่านี้จะยังคงเป็นปัญหาสำคัญและมีแนวโน้มที่จะพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ได้แก่
ภูมิแพ้จากดอกไม้ ต้นไม้
การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่คาดเดาได้ยากขึ้น ส่งผลให้ช่วงเวลาการออกดอกของพืชบางชนิดยาวนานขึ้นหรือเกิดการออกดอกหลายครั้งในหนึ่งปี ทำให้ผู้ที่แพ้ละอองเกสรดอกไม้และต้นไม้ต้องเผชิญกับอาการภูมิแพ้เป็นระยะเวลานานขึ้นและส่งผลให้มีความรุนแรงมากขึ้น
ภูมิแพ้จากฝุ่น PM2.5
ฝุ่น PM2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมโครเมตร สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ฝุ่น PM2.5 เกิดทั้งจากธรรมชาติและจากการกระทำของมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง ฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง ปฏิกิริยาทางเคมีในบรรยากาศ ทำให้ปัจจุบันที่มีการก่อสร้างและมลภาวะมากขึ้นส่งผลให้ผู้คนเกิดอาการภูมิแพ้จากสาเหตุนี้ได้มากขึ้น
ภูมิแพ้อาหาร
ภูมิแพ้อาหารเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยอาหารที่มักก่อให้เกิดอาการแพ้ ได้แก่ นมวัว ไข่ ถั่ว แป้งสาลี ปลา และอาหารทะเล การตระหนักถึงอาการภูมิแพ้อาหารและการอ่านฉลากอาหารอย่างละเอียดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ภูมิแพ้ในบ้าน
สารก่อภูมิแพ้ในบ้าน คือภูมิแพ้อื่นๆ ที่เกิดจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมและมักเกิดขึ้นภายในบ้าน เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์เลี้ยง เชื้อรา ยังคงเป็นสาเหตุสำคัญของอาการภูมิแพ้ ทางเดินหายใจ การดูแลความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ การใช้เครื่องฟอกอากาศ และการจัดการกับสัตว์เลี้ยงอย่างเหมาะสม สามารถช่วยลดอาการภูมิแพ้ในบ้านได้
อาการแบบไหนที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษในปี 2025
แม้อาการภูมิแพ้ ทั่วไปจะไม่รุนแรงแต่บางอาการควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะภูมิแพ้รุนแรง ดังนั้นผู้ป่วยอาการภูมิแพ้ควรใส่ใจกับอาการเหล่านี้เป็นพิเศษและรีบพบแพทย์ทันทีหากมีอาการรเหล่านี้
– หายใจลำบาก หอบเหนื่อย แน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ช็อก หมดสติ
– ผื่นแดง บวม คันอย่างรุนแรงหรือมีตุ่มน้ำใส
– อาการกำเริบบ่อยขึ้นหรือมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
– ใช้ยาแก้แพ้แล้วอาการไม่ดีขึ้น มีอาการเพิ่มมากขึ้น
วิธีดูแลตัวเองง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำตามได้
อาการภูมิแพ้เป็นสิ่งที่ควรได้รับการดูแลจากแพทย์ แต่การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันก็มีความสำคัญต่อการควบคุมอาการได้ เช่น
– หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่คุณแพ้ เช่น ฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ ขนสัตว์ หรืออาหารบางชนิด
– ดูแลความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ เช่น ดูดฝุ่น ซักผ้าปูที่นอน ผ้าม่าน เพื่อลดปริมาณไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ในบ้าน
– ใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA สามารถช่วยกรองฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ อื่นๆ ในอากาศได้
– สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในที่ที่มีฝุ่นละอองจำนวนมาก การสวมหน้ากากอนามัยสามารถช่วยกรองฝุ่น PM2.5 และละอองเกสรได้
– ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือสามารถช่วยชะล้างสารก่อภูมิแพ้และลดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลได้
– พักผ่อนให้เพียงพอและออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมและใช้ยาตามคำแนะนำที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
รักษาอาการภูมิแพ้ ที่ไหนดี
การรักษาอาการภูมิแพ้ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้และระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลสินแพทย์ให้บริการที่ครอบคลุม มีความพร้อมและมีประสิทธิภาพในการรักษา โดยเริ่มจากการวินิจฉัยหาสาเหตุ ตรวจทดสอบภูมิแพ้ และวางแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคล รวมถึงการให้คำปรึกษาเรื่องการปรับพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมเพื่อลดความเสี่ยง