
สิ่งที่คุณแม่ทุกคนคงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองนั่นคือภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของแม่และทารก
แนวทางดูแลตัวเองของคุณแม่ เพื่อรับมือความเสี่ยงของครรภ์เป็นพิษ
ช่วงเวลาที่สำคัญและมีความหมายเป็นอย่างมากต่อชีวิตของคนเป็นแม่คนหนึ่ง คือ ช่วงระยะของการตั้งครรภ์ และแน่นอนว่าสิ่งที่คุณแม่ทุกคนคงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง คงหนีไม่พ้นภาวะแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาการตั้งครรภ์ ที่อาจส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพของคุณแม่ และทารกในครรภ์ได้ หากไม่ได้รักษาได้อย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่อันตราย ในวันนี้ สินแพทย์ เทพารักษ์ จะขอพาคุณแม่ทุกคนมาทำความรู้จักกับภาวะครรภ์เป็นพิษ ทั้งวิธีสังเกตอาการ รวมถึงแนวทางการป้องกันอย่างถูกวิธี เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และทำให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่นปลอดภัย
ครรภ์เป็นพิษ เป็นยังไง
ภาวะครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้ในระหว่างการตั้งครรภ์ โดยมักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุครรภ์ประมาณ 20 สัปดาห์ขึ้นไป จนถึงระยะหลังคลอดประมาณ 6 สัปดาห์ โดยภาวะนี้จะทำให้ระดับความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตร (ปรอท) ร่วมกับการมีภาวะแทรกซ้อนโปรตีนรั่วในปัสสาวะ
สาเหตุของการเกิดภาวะนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการที่รกฝังตัวในมดลูกไม่แน่น ทำให้ครรภ์ไม่ได้รับออกซิเจนหรือสารอาหารไปหล่อเลี้ยงมากพอ จนนำไปสู่อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ในที่สุด
สัญญาณเตือนสำหรับภาวะครรภ์เป็นพิษ
สัญญาณเตือนสำหรับภาวะครรภ์เป็นพิษที่คุณแม่ควรรู้มีดังนี้
ความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูง โดยมีระดับความดันที่เริ่มสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตร (ปรอท) ตลอดระยะของการตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถส่งผลต่ออวัยวะอื่นภายในร่างกายได้ เช่น ตับ ไต หลอดเลือด และสมอง เป็นต้น
ตัวบวม
ตัวบวม เกิดจากการกักเก็บน้ำในร่างกาย อันมีสาเหตุจากความดันโลหิตสูงที่สามารถส่งผลกระทบต่อไตโดยตรง และนำไปสู่อาการบวม โดยเฉพาะที่บริเวณมือ เท้า รวมถึงใบหน้าในที่สุด
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นผิดปกติ
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ภาวะนี้อาจทำให้คุณแม่หลายคนมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นผิดปกติ ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นเกิน 1-2 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ โดยที่มีการรับประทานอาหารเท่าเดิม
ปวดศีรษะ
ปวดศีรษะอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะรู้สึกปวดเป็นอย่างมากที่บริเวณหน้าผาก ท้ายทอย โดยที่อาการไม่หายไป และไม่สามารถใช้ยาแก้ปวดบรรเทาได้
ภาวะจุกแน่นใต้ชายโครงและตาพร่ามัว
ภาวะจุกแน่นใต้ชายโครง สามารถเกิดขึ้นได้จากผลกระทบของความดันโลหิตสูง ทำให้ตับมีความผิดปกติ ที่ทำให้รู้สึกจุกแน่นที่บริเวณใต้ชายโครง ร่วมกับอาการหายใจไม่สะดวก หรือรู้สึกตาพร่ามัวเห็นแสงกระพริบจากการที่เลือดไม่สามารถหล่อเลี้ยงจอประสาทตาได้เต็มประสิทธิภาพ
เด็กในครรภ์เติบโตช้าในครรภ์
เด็กในครรภ์ไม่โตตามอายุ เกิดจากภาวะความดันโลหิตสูง ทำให้การไหลเวียนเลือดที่แย่ลง และส่งผลให้ครรภ์ไม่สามารถได้รับออกซิเจนหรือสารอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต ซึ่งกระทบต่อทารกที่อาจเติบโตได้ช้า หรือมีน้ำหนักที่น้อยกว่าเกณฑ์ปกติ
ใครบ้างที่เสี่ยง
ใครบ้างที่เสี่ยงเสี่ยงต่อครรภ์เป็นพิษ มักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีปัจจัยดังนี้
- การตั้งครรภ์ครั้งแรก
- การตั้งครรภ์ฝาแฝด
- การตั้งครรภ์ตอนอายุ 35 ปีขึ้นไป
- มีประวัติบุคคลในครอบครัวเคยตั้งครรภ์เป็นพิษมาก่อน
- ผู้ที่เคยอยู่ในภาวะมีบุตรยาก
- โรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคไทรอยด์ เป็นต้น
ป้องกันอย่างไรให้ปลอดภัยจากภาวะครรภ์เป็นพิษ
การป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากภาวะครรภ์เป็นพิษมีดังนี้
- การฝากครรภ์ เพื่อทำการตรวจเช็กความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และการติดตามความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ และลดอาหารรสเค็ม เพื่อลดอาการบวมน้ำ และควบคุมระดับความดันโลหิต
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย
สรุป
ภาวะครรภ์เป็นพิษ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ มักจะทำให้มีความดันโลหิตอยู่ในระดับที่สูงมากผิดปกติ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของคุณแม่ ทารกในครรภ์ รวมถึงอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย เช่น ตับหรือไต โดยแนวทางในการป้องกันสามารถเริ่มได้จากการฝากครรภ์ เพื่อตรวจเช็กความเสี่ยง รวมถึงปรับพฤติกรรมดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พร้อมออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายได้มากยิ่งขึ้น