โควิด-19 โอกาสในวิกฤติ สร้างความเชื่อมั่นต่างชาติรักษาในไทย

17 พ.ย. 2563 | เขียนโดย โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา

แม้ผลกระทบจากโควิด-19 จะส่งผลให้ผู้ป่วยมา รพ.น้อยลง โดยเฉพาะ รพ.เอกชน ที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน รัฐบาลมีการอนุญาต ให้ผู้ป่วยต่างชาติเดินทางเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลที่สมัครเข้าร่วมเป็นสถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก AHQ ทำให้แนวโน้มตลาดการแพทย์ดีขึ้นในไตรมาส 4



นพ.พิสุทธิ์ พรหมลิขิตชัย รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ และกรรมการบริหาร รพ.สินแพทย์ กล่าวว่าภาพรวมธุรกิจทางการแพทย์ ในช่วงโควิด-19 ระบาด อาจจะเติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่จากความคืบหน้าวัคซีน โควิด-19 ที่คาดว่าจะออกมาประมาณปลายปีหน้า คิดว่าหลังจากนี้ไป ภาพรวมของธุรกิจด้านสุขภาพ โรงพยาบาลน่าจะฟื้นค่อนข้างเร็วกว่าภาคธุรกกิจอื่นๆ

 

อีกทั้งเมื่อประเทศไทยมีเป้าหมายสู่การเป็น Medical Hub การระบาดของโควิด-19 แม้จะเป็นวิกฤติ แต่ก็ถือเป็นโอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั่วโลก ซึ่งหลายประเทศที่เฝ้ามองเห็นแล้วว่าไทยมีศักยภาพในการดูแลรักษาค่อนข้างดี อัตราการติดเชื้อต่ำ และการป้องกันโรคมีประสิทธิภาพ พอพ้นระยะโควิด-19 ไปคาดว่าการฟื้นตัวของธุรกิจด้านสุขภาพค่อนข้างฟื้นตัวได้เร็ว

 

ช่วงที่แย่ที่สุดคือ ไตรมาส 1-2 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 ระบาดใหม่ ขณะที่แนวโน้มในไตรมาส 4 น่าจะดีขึ้น เพราะการฟื้นตัวของ รพ.สินแพทย์ เองอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ผู้ป่วยกลับมาราว 80% เนื่องจาก รพ.สินแพทย์ ได้ปรับตัวตั้งแต่เริ่มต้นเพราะประชาชนค่อนข้างกังวล กลัวการมา รพ. จึงแยกโซนคนไข้ชัดเจนทั้ง คลินิกระบบทางเดินหายใจ เพื่อให้คนไข้ทั่วไปค่อนข้างมั่นใจกลับมาใช้บริการ รวมถึงแยกโซนวัคซีน สำหรับเด้ก และ คลินิกปลอดเชื้อ ที่ไม่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอีกส่วนหนึ่ง ทำให้ผู้ป่วยที่มาใช้บริการมั่นใจในความปลอดภัย

 

ปัจจุบัน รพ.สินแพทย์ มี รพ.ในเครือ ทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่ รพ.สินแพทย์ รามอินทรา รพ.สินแพทย์ ลำลูกกา รพ.สินแพทย์ เสรีรักษ์ รพ.สินแพทย์ เทพารักษ์ รพ.สินแพทย์ ศรีนครินทร์ และ รพ.สินแพทย์ กาญจนบุรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลน้องใหม่ ในเครือ แนวโน้มในอนาคตมีแผนจะเปิด รพ.ในกรุงเทพฯ ชั้นในมากขึ้น ถนนนางลิ้นจี่ รวมถึงมีแผนสร้างเมดิคอลคอมเพล็กซ์ ที่ รพ.สินแพทย์ รามอินทราซึ่งเป็นศูนย์การรักษาโรคเฉพาะทางต่างๆ ในปีหน้า

 

ทั้งนี้ แม้ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยมากกว่า 90% ทาง รพ.ได้เตรียมพร้อมเปิดตลาดผู้ป่วยต่างชาติ โดยนำร่อง รพ.สินแพทย์ ศรีนครินทร์ ซึ่งมีความพร้อมเข้าร่วมเป็นสถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) มาแล้วราว 1 เดือน สามารถรองรับได้ 20 เตียง

 

โควิด-19 โอกาสในวิกฤต

 

โดยวางมาตรการตั้งแต่ กระบวนการคัดกรอง การจัดสถานทีพักฟื้น มีส่วนให้ญาติพักได้ อาคารต้องแยกชั้นจากผู้ป่วยทั่วไปชัดเจน และระบบการระบายอากาศต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่รัฐบาลกำหนดไว้ และสามารถขยายตึกเพิ่มเติมได้ เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลเปิดใหม่และมีพื้นที่ค่อนข้างมาก

 

ขณะเดียวกัน ด้านบุคลากรทางการแพทย์ ต้องได้รับการอบรมเพิ่มเติม ในการดูแลคนไข้อย่างไรให้ปลอดภัย และป้องกันตนเอง อีกทั้ง ทีมแพทย์และพยาบาลมีการอบรมความรู้ให้ทันสมัย สม่ำเสมอ ถึงแม้ไม่มีโควิด-19 ก็ตาม

 

นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับโรงแรมที่เปิดเป็น ASQ (Alternative State Quarantine) จำนวน 2 แห่ง ดูแลราว 500 คน และอยู่ระหว่างดำเนินงานอีก 2 แห่ง รองรับได้ราว 200 คน รวมถึง รพ.สินแพทย์ เทพารักษ์ ที่อยู่ระหว่าง การดำเนินการ ASQ อีก 1 แห่ง ดูแลผู้กักตัวราว 70 คน

 

เนื่องจาก รพ.สินแพทย์ ดูแลทั้งคนไข้ชาวไทย และต่างชาติ แต่ส่วนใหญ่เป็นไทยมากกว่า 90% ขณะเดียวกันก็มีเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนคนไข้ต่างชาติมากขึ้นโดยที่ผ่านมา รพ. ได้รับมาตรฐาน JCI (Joint Commission International) และได้รับการรับรองเป็นครั้งที่ 3 จากเป้าหมายของ รพ. ที่จะเปิดตลาดต่างชาติมากขึ้น จึงต้องสร้างมาตรฐาน เพื่อให้ต่างชาติรู้จัก แบรนด์ รพ.สินแพทย์ ให้มากขึ้นกว่าเดิม  นพ.พิสุทธิ์ กล่าว

 

หากในอนาคต มีการเดินทางเข้ามาของ Medical Tourism มากยิ่งขึ้น รวมถึงการผลักดันการแพทย์ไทย นพ.พิสุทธิ์ มองว่าหากคนไข้ต่างชาติให้ความสนใจเข้ามารักษา และท่องเที่ยว ถือเป็นสิ่งที่ช่วยภาวะเศรษฐกิจไทย และหากภาครัฐส่งเสริมในด้านนี้ ถือเป็นโอกาสให้สถานพยาบาลในประเทศไทยมากขึ้น เพราะทีมแพทย์ชาวไทยมีศักยภาพ และความพร้อมในการดูแลรักษาไม่แพ้ที่ใดในโลก

 

ทั้งนี้ รพ.สินแพทย์ให้บริการตรวจโควิด-19 เป็นลักษณะไดรฟ์ทรู โดยรายงานผลผ่านทาง SMS กรณีหากมีการติดเชื้อ ทาง รพ.สินแพทย์ จะส่งรถ รพ.ไปรับที่บ้าน และส่งต่อให้กับ รพ.วิภาราม ชัยปราการ ซึ่งเป็น รพ.ในเครือ ดังนั้น คนไข้โควิด-19 ที่ติดเชื้อ จะไม่ได้รักษาร่วมกับคนไข้อื่นๆ ที่ผ่านมาตรวจพบประมาณ 10 ราย และ ขณะนี้ยังเปิดให้บริการตรวจโควิด-19 อยู่ สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ และ ตรวจคนงานสำหรับโรงงานที่ต้องการความปลอดภัย โดยให้บริการเหมือนกันทั้ง 5 สาขา

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

SHARE
ข่าวประชาสัมพันธ์อื่นๆ