นอนกรน อันตราย!!

>17 ก.ค. 2563 | เขียนโดย นพ.สุนทร สาครรัตน์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้าน หู คอ จมูก

อันตรายของการนอนกรน

การนอนกรนอาจเกิดร่วมกับทางเดินหายใจอุดตัน ในขณะนอนหลับ หรือเรียกว่า Obstructive Sleep Apnea Syndrome (OSAS)

คนที่เป็นโรคนี้จะนอนกรนเสียดัง มีอาการคล้ายสำลักหรือสะดุ้งตื่นกลางคืน ต้องลุกขึ้นมาถ่ายปัสสาวะตอนกลางดึก รู้สึกสมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก เพราะง่วงนอน ขี้ลืม ไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงานตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนล้า ไม่สดชื่นหรือมีอาการปวดศีรษะ และต้องการนอนต่ออีกทั้งที่ไม่ได้นอนดึก  บางคนอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น จุกแน่นคอ เหมือนมีอะไรติดคอ หูอื้อ หงุดหงิดง่าย ขี้โมโห คนข้างเคียงมักมีความเห็นว่าคุณอารมณ์เสียบ่อยๆ และในบางคนความรู้สึกทางเพศลดลงด้วย

ถ้าคุณเป็นโรคนี้ คุณก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคของหลอดเลือดในสมอง และโรคหัวใจขาดเลือด ได้มากกว่าคนปกติ ซึ่งมักเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ก่อนวัยสมควร

 

ภาวะนอนกรนสามารถรักษาได้  แบ่งการรักษาเป็น 2 รูปแบบ คือ

  • วิธีการผ่าตัดโดยเทคนิคทันสมัย
  • วิธีไม่ผ่าตัด (Nasal CPAP = Nasal Continuous Positive Airway Pressure)

หลังการรักษาผู้ป่วยส่วนใหญ่จะรู้สึกดีขึ้นมาก นอนหลับได้อย่างมีความสุข ไม่มีการสะดุ้งตื่นขณะหลับ สามารถตื่นนอนด้วยความรู้สึกสดชื่นแจ่มใส พร้อมที่จะทำงาน ความทรงจำและสติปัญญาดีขึ้น และอาการนอนกรนเสียดังอันน่ารำคาญก็หายไป คนใกล้ชิดก็มีความสุขในการนอนมากขึ้นเช่นกัน

 

การผ่าตัดรักษานอนกรนด้วยเลเซอร์ (Laser Assisted Uvulopalatolasty)

เป็นวิธีหนึ่งในการผ่าตัดรักษานอนกรน โดยใช้คาร์บอนไดออกไซค์เลเซอร์ ทำให้การผ่าตัดมีเลือดออกน้อยและแผลไม่บวมมากหลังผ่าตัดผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ ควรรับประทาณอาหารอ่อนสามารถพูดได้เหมือนเดิมและไม่ทำให้เสียงพูดเปลี่ยนไป

ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมาก ผู้ป่วยควรใช้เครื่อง Nasal CPAP (Nasal Continuous Positive Airway Pressure) เครื่องนี้จะปล่อยแรงดันบวกและจะทำให้ช่องทางเดินหายใจที่แคบให้กว้างขึ้นจึงทำให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกและหลับสบายขึ้น ในปัจจุบันการรักษาด้วยวิธีนี้ถือว่าเป็นการรักษาที่ได้ผลที่ดีที่สุด

กรณีที่ผู้ป่วยมีความผิดปกติชัดเจนของบริเวณช่องทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ต่อมทอนซิลโตมาก หรือเพดานอ่อนยาวผิดปกติ หรือกรณีผู้ป่วยมีปัญหาในการใช้เครื่อง Nasal CPAP แพทย์อาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดเพื่อแก้ไขความผิดปกติดังกล่าว

 

Sleep Test   ตรวจนอนกรน ด้วยเครื่อง PSG

PSG (Polysomnography) เป็นเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย สามารถบอกได้ว่าคุณภาพในการนอนของคืนนั้นๆ เป็นอย่างไร หลับได้ดีหรือสนิดเพียงไร มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในขณะนอนหลับ โดยที่ผู้ป่วยเองไม่สามารถทราบได้ว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะหยุดหายใจ จากทางเดินหายใจอุดตันในขณะนอนหลับ การตรวจการนอนหลับนี้ ประกอบด้วย

  • การตรวจวัดคลื่นสมอง เพื่อวัดระดับความลึกของการนอนหลับ
  • การตรวจวัดการทำงานของกล้ามเนื้อขณะหลับ
  • การตรวจวัดลมหายใจที่ผ่านเข้าออกทางจมูกและปาก
  • การตรวจวัดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อทรวงอก และกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ใช้ในการหายใจ
  • การวัดจำนวนครั้งของการหยุดหายใจ หรือหายใจน้อยลงขณะหลับ

 

ทั้งหมดนี้ ใช้เวลาในการตรวจวัดช่วงกลางคืนขณะหลับ

อย่างน้อย ประมาณ 6-8 ชั่วโมง

การตจรวจไม่รบกวนการนอน และไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด

 

การเตรียมตัว เพื่อรับการตรวจการนอนกรน ด้วยเครื่อง PSG (Polysomnography)

  1. ก่อนมาโรงพยาบาล เพื่อรับการตรวจนอนกรนไม่ควรรับประทานยานอนหลับ
  2. พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก เพื่อนัดหมายวันที่จะเข้ารับการตรวจ เมื่อถึงกำหนดนัดตรวจ
  3. แจ้งน้ำหนัก ส่วนสูง และอาการที่มาตรวจให้แพทย์ทราบ
  4. สระผมก่อนมาโรงพยาบาล
  5. เข้ารับการนอนพักที่โรงพยาบาลตั้งแต่ 21:00 น.
  6. เจ้าหน้าที่ติดเครื่องตรวจนอนกรน PSG เวลาประมาณ 22:00 น.
  7. นอนในท่าปกติ ที่เคยนอนประจำ
  8. เจ้าหน้าที่จะนำเอาอุปกรณ์ที่ติดออกเวลาประมาณ 6:00 น.
  9. กลับบ้านได้ในเวลา 9:00-12:00 น. ของวันรุ่งขึ้น
  10. ทราบผลการรวจประมาณ 7 วัน หลังเข้ารับการตรวจ

 

พบแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์โรคระบบางเดินหายใจ ที่ โรงพยาบาลสินแพทย์ สาขาใกล้บ้านคุณ (คลิก link เพื่อนัดพบแพทย์เฉพาะทาง)

โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์  

โรงพยาบาลสินแพทย์ ลำลูกกา 

โรงพยาบาลสินแพทย์ เทพารักษ์ 

โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์

SHARE