โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส ชื่อ Dengue virus โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรคเชื้อไข้เลือดออกจะมีระยะฟักตัวอยู่ในยุงประมาณ 5-8 วัน เมื่อยุงไปกัดคนก็จะถ่ายทอดเชื้อโรคนี้ให้กับผู้ที่ถูกกัดทำให้คนที่ถูกยุงกัดเป็นไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออกเกิดจากอะไร
โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส ชื่อ Dengue virus โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรคเชื้อไข้เลือดออกจะมีระยะฟักตัวอยู่ในยุงประมาณ 5-8 วัน เมื่อยุงไปกัดคนก็จะถ่ายทอดเชื้อโรคนี้ให้กับผู้ที่ถูกกัดทำให้คนที่ถูกยุงกัดเป็นไข้เลือดออก
ส่วนใหญ่โรคไข้เลือดออกมักพบได้บ่อยในเด็กที่มีอายุระหว่าง 5-14 ปี มักพบการระบาดในฤดูฝนช่วง เดือน พฤษภาคม ถึง กันยายน
ระยะที่ 1 : ระยะไข้สูง
- ไข้สูงตลอดเวลา (30-40 องศาเซลเซียส)
- หน้าแดง ตาแดง ไอ เจ็บคอ
- ปวดศีรษะ กระหายน้ำ
- ซึม เบื่ออาหาร และ อาจมีอาการปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ หรือ ชายโครง
ระยะที่ 1 ใช้เวลา 4-7 วัน ถ้าอาการไม่รุนแรง ไข้ก็จะค่อยๆ ลดลงและเด็กจะแจ่มใสขึ้น
ระยะที่ 2 : ระยะช็อคและมีเลือดออก
จะเกิดขึ้นในช่วงไข้ลด ประมาณ วันที่ 3-7 ของโรค
- พบอาการปวดท้องมากขึ้น กดเจ็บเล็กน้อยตรงใต้ชายโครงขวา
- ตัวเย็น ซึม เหงื่อออกตามตัว
- ปัสสาวะน้อย
- มีอาการกระวนกระวาย และอาจมีจุดแดงๆ เหมือนมีเลือดออกตามผิวหนัง เลือดออกตามไรฟัน มีเลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด หรือสีกาแฟ อุจจาระมีสีดำ ในรายที่รุนแรงจะมีความดันโลหิตต่ำ ช็อคและอาจถึงแก่ชีวิตได้
ระยะนี้ใช้เวลา 24-72 ชั่วโมง ถ้าแพทย์สามารถแก้ไขได้ทันผู้ป่วยจะดีขึ้น และเข้าสู่ระยะที่ 3
ระยะที่ 3 : ระยะฟื้นตัว
อาการต่างๆ จะเริ่มดีขึ้น เด็กจะเริ่มอยากอาหารร่างกายจะฟื้นตัวได้เร็วจนเข้าสู่สภาวะปกติ บางรายมีผื่นแดงขึ้นตามแขนขา ตลอดระยะเวลาของโรคมักไม่เกิน 9 วัน ถ้าอาการไม่รุนแรงประมาณ 3-4 วัน อาการผู้ป่วยจะดีขึ้นได้เอง
ดูแลอย่างไร เมื่อเป็นไข้เลือดออก
- ในกรณีที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก ควรพาไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยและตรวจรักษา
- หากมีไข้ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเพื่อลดไข้หากเป็นไข้เลือดออก ห้ามใช้ยาลดไข้ประเภทแอสไพริน เพราะจะทำให้เกร็ดเลือดเสียการทำงาน ทำให้เลือดออกได้ง่าย ควรใช้ยาประเภทพาราเซตามอล ห่างกันอย่างน้อย ทุก 4 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยควรได้รับน้ำทดแทน เพราะการที่มีไข้สูงเบื่ออาหารและอาเจียนทำให้ร่างกายขาดน้ำ แนะนำให้ดื่มน้ำครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆ
- หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงถึงขั้นช็อค หรือ มีเลือดออก ปวดท้องบริเวณยอดอก หรือ ลิ้นปี่ กระสับกระส่าย ซึมมาก อาเจียนมากขึ้น รับประทานไม่ได้ ผู้ป่วยจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ทำการรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยชีวิตและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- เมื่อผู้ป่วยเริ่มมีอาการดีขี้น จะเริ่มมีความอยากอาหารควรให้เป็นอาหารอ่อน ประเภทข้าวต้ม หรือ โจ๊กงดอาหารที่มีสีดำ หรือ แดง เพราะถ้าอาเจียนจะแยกไม่ได้ว่าเป็นเลือดหรือไม่
ผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีอาการรุนแรงที่สุดในวันที่ไข้เริ่มลดลง ต่างจากโรคติดเชื้ออื่นๆ
จะป้องกันไข้เลือดออกได้อย่างไร
- ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุกแห่งในบ้านและรอบบริเวณบ้าน เพราะยุงลายจะวางไข่ในน้ำนิ่ง เช่น น้ำขัง ในที่ต่างๆ ดังนั้น จึงควรปิดฝาภาชนะเก็บน้ำและทำลายภาชนะต่างๆ ที่เป็นแหล่งน้ำขัง หรือ การใช้ทรายอะเบท หรือ เกลือใส่ในน้ำ เพื่อทำลายลูกน้ำยุงลาย
- ระวังอย่าให้ยุงกัด โดยเฉพาะในเวลากลางวัน เนื่องจากยุงลายมักชอบออกหากินในเวลากลางวัน ดังนั้น ควรให้เด็กนอนในมุ้ง หรือ ให้เล่นในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ