ไรฝุ่นคืออะไร?
ไรฝุ่นเป็นแมลงขนาดเล็กมากมีความยาวเพียง 250-300 ไมครอน มีขา 8 ขา มีอายุ 2-4 เดือน โดยปกติเราไม่สามารถมองเห็นไรฝุ่นด้วยตาเปล่าต้องส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ไรฝุ่นจะปะปนอยู่กับฝุ่นทั่วๆไปในบ้านรวมทั้งที่นอน หมอน พรม ผ้าม่าน ตุ๊กตาขนนิ่ม เครื่องเรือนต่างๆ โดยเฉพาะในบริเวณที่อบอุ่นและอับชื้น ไรฝุ่นกินเศษผิวหนังและรังแคของคนและสัตว์เป็นอาหาร แล้วถ่ายมูลออกมาปะปนอยู่รอบๆ บริเวณที่มันอาศัยอยู่
ไรฝุ่นทำให้เกิดภูมิแพ้ได้อย่างไร?
คนไทยส่วนใหญ่แพ้ไรฝุ่น ไรฝุ่นจึงเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญในทางเดินหายใจของเรา โดยไรฝุ่นและมูลที่มันถ่ายออกมาจะกระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจของเราทางจมูกไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ขึ้นในทางเดินหายใจ ทำให้มีอาการ เช่น คัดจมูก คัน จาม น้ำมูกไหลหายใจไม่ออกไปจนถึงอาการหอบหืดตามมาได้และในบางกรณียังกระตุ้นให้เกิดผื่นภูมิแพ้ที่ผิวหนังได้
ทราบได้อย่างไรว่าเราแพ้ไรฝุ่น?
ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ในทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล หายใจไม่ออก จนถึงอาการหอบหืดเป็นๆ หายๆ บ่อย ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหารสารก่อภูมิแพ้ที่อาจเป็นสาเหตุ โดยการตรวจเลือดหรือการทดสอบทางผิวหนังที่เรียกว่า Skin test
ถ้าแพ้ไรฝุ่นแล้วต้องทำอย่างไร?
ในผู้ที่ตรวจพบว่าแพ้ไรฝุ่นร่วมกับมีอาการภูมิแพ้ แนะนำให้ลดการสัมผัสไรฝุ่น โดยการดูแลสิ่งแวดล้อมในบ้านดังนี้
- ซักผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์ด้วยน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที เพื่อฆ่าไรฝุ่น
- ใช้ผ้ากันไรฝุ่นคลุมที่นอนและหมอน
- มีการระบายอากาศในห้องนอนเพื่อลดความชื้นอย่างน้อย ควรเปิดประตูหน้าต่างห้องนอนวันละ 1 ชั่วโมง หรือรักษาระดับความชื้นสัมพัทธ์ในห้องไว้ที่ 50%
- เลือกใช้เครื่องดูดฝุ่นชนิดที่มี HEPA filter
- ทำความสะอาดบ้านและห้องนอนด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ
- ไม่ควรใช้พรมและเฟอร์นิเจอร์ที่หุ้มด้วยผ้าในห้องนอน
- ไม่เก็บตุ๊กตาขนฟูไว้ในห้องนอน
- ไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงไว้ในห้องนอน
- นำที่นอน หมอนและพรม ตากแดดจัดๆ ประมาณ 3 ชั่วโมงขึ้นไปจะช่วยฆ่าตัวไรฝุ่นได้
หลังจากปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมลดการสัมผัสไรฝุ่นแล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้นแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาด้วยยา ซึ่งเป็นยาในกลุ่มแก้แพ้และถ้าอาการรุนแรงอาจต้องใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดพ่นจมูกร่วมด้วยตามความเหมาะสม
ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยที่แพ้ไรฝุ่น
สำหรับผู้ป่วยโพรงจมูกอักเสบหรือหอบหืดที่เกิดจากการแพ้ไรฝุ่นที่มีอาการยังไม่ดีขึ้นหลังจากที่ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมร่วมกับการใช้ยาอย่างเต็มที่แล้ว อาการยังไม่ดีขึ้นมีทางเลือกโดยการรักษาด้วยการให้วัคซีนภูมิแพ้ซึ่งเป็นการรักษาที่ตรงจุดเพราะสามารถปรับเปลี่ยนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สามารถต้านทานไรฝุ่นได้และอาการป่วยดีขึ้น
การให้วัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นมีทั้งชนิดฉีดเข้าใต้ผิวหนังและชนิดรับประทานโดยอมไว้ใต้ลิ้น ทั้งสองวิธีมีความแตกต่างกันบ้าง ดังนี้
- วัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นชนิดฉีดใต้ผิวหนัง จะใช้สารสกัดจากไรฝุ่นฉีดเข้าใต้ผิวหนังในปริมาณน้อยๆอย่างสม่ำเสมอ โดยระยะแรกฉีดสัปดาห์ละครั้งและค่อยๆเพิ่มปริมาณวัคซีนเรื่อยๆเป็นระยะเวลา 5-6 เดือน จนได้ขนาดที่ผู้ป่วยรับได้และไม่เกิดอาการแพ้แล้วจึงเพิ่มระยะเวลาการฉีดวัคซีนให้ห่างออกจนเหลือเดือนละครั้งไปเป็นระยะเวลา 3-5 ปี จึงพิจารณาหยุดฉีดยา ในระหว่างการฉีดวัคซีนอาจมีอาการแพ้ยาได้ เช่นเดียวกับการฉีดยาอื่นๆ เช่น ลมพิษ หอบหืด กล่องเสียงบวม ความดันโลหิตต่ำ ช็อกได้ ดังนั้นการรักษาชนิดนี้ ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้เท่านั้น
- วัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นชนิดอมใต้ลิ้น เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในผู้ที่แพ้ไรฝุ่น เพราะเป็นวัคซีนชนิดรับประทาน โดยอมไว้ใต้ลิ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบการฉีดยาและมีความสะดวกไม่ต้องมาพบแพทย์บ่อย เพราะวัคซีนสามารถรับประทานเองที่บ้านได้โดยที่ไม่พบอาการแพ้ชนิดรุนแรง
การรักษาอาการแพ้ไรฝุ่นด้วยวัคซีน เป็นการรักษาที่ต้องการความร่วมมือจากผู้ป่วยในการมารับวัคซีนอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3-5 ปี เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีจนผู้ป่วยมีภูมิต้านทานต่อไรฝุ่นสามารถลดการใช้ยาและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
พบแพทย์เฉพาะทางสินแพทย์ สาขาใกล้บ้านคุณ #คลิ๊กเลย