ต้อหิน ภัยเงียบ สูญเสียการมองเห็นแบบถาวร

16 มี.ค. 2566 | เขียนโดย รพ.สินแพทย์ เสรีรักษ์

ต้อหิน เป็นกลุ่มโรคที่มีความเสื่อมของขั้วประสาทตา ส่งผลให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นและเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะตาบอดที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดต้อหิน ได้แก่ ความดันตาที่สูง



โรคต้อหิน Glaucoma

ต้อหิน เป็นกลุ่มโรคที่มีความเสื่อมของขั้วประสาทตา ส่งผลให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นและเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะตาบอดที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดต้อหิน ได้แก่ ความดันตาที่สูง

กลไกลการเกิดต้อหิน  ในลูกตาส่วนหน้ามีการไหลเวียนของน้ำหล่อเลี้ยงลูกตา (Aqueous Humor) ซึ่งถูกสร้างจากอวัยวะในลูกตาที่เรียกว่า Ciliary Body  ไหลเวียนผ่านช่องระหว่างม่านตาและเลนส์ตาสู่ช่องหน้าลูกตาและไหลเวียนออกจากลูกตาทาง Trabecular Meshwork   (ทางระบายออกของน้ำในลูกตาอยู่ที่มุมตา มีลักษณะเป็นตะแกรง) ซึ่งในโรคต้อหินจะมีความผิดปกติของการไหลเวียนของน้ำหล่อเลี้ยงลูกตา ทำให้ความดันตาสูงขึ้นและเกิดการทำลายเส้นประสาทตาตามมา

 

ความดันตากับต้อหิน

ความดันตา  หมายถึง ความดันของของเหลวที่ไหลเวียนอยู่ในลูกตาโดยทั่วไปค่าความดันตาอยู่ที่ 5 – 21  มิลลิเมตรปรอท หากพบความดันตาสูงกว่า  21  มิลลิเมตรปรอท ถือว่าเป็นภาวะความดันตาสูงและเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดต้อหิน

 

ปัจจัยเสี่ยงของต้อหิน

  • เชื้อชาติ คนเชื้อชาติแอฟริกัน ,อเมริกาจะพบว่าต้อนหินสูงกว่าคนผิวขาวถึง 6-8 เท่า ส่วนคนเชื้อชาติเอเชีย จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดต้อหินมุมปิด
  • อายุมากกว่า 40 ปี
  • มีประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน
  • ตรวจพบความดันตาสูง
  • เคยมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตา
  • การใช้ยาสเตียรอยด์
  • ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อาทิ สายตายาวหรือสั้นมาก กระจกตาบาง โรคเบาหวาน ไมเกรน

 

ประเภทของต้อหิน

  • ต้อหินมุมปิด (Primary Open Angle Glaucoma)   เป็นต้อหินที่พบได้บ่อยกว่าต้อหินประเภทอื่น เกิดจากการอุดตันของ Trabecular Meshwork ทำให้น้ำหล่อเลี้ยงตาไม่สามารถไหลเวียนออกได้ตามปกติ จึงเกิดความดันตาสูงและส่งผลให้เส้นประสาทตาถูกทำลาย

         อาการ : ผู้ป่วยส่วนมากไม่มีอาการแสดงในระยะแรก แต่หากไม่ได้รับการรักษาในระยะเริ่มต้นจะส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นอย่างช้าๆ โดยเริ่มจากด้านข้างและนำไปสู่การตาบอดในที่สุด โดยทั่วไปต้อหินมุมเปิดมักควบคุมได้ด้วยยา  หากได้รับการวิจัยและรักษาตั้งแต่ระยะแรก

  • ต้อหินมุมเปิดที่มีความดันผิดปกติ (Normal – Tension Glaucoma)  ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดต้อหิน ทั้งทีมีความดันตาต่ำกว่า 21 มิลลิเมตรปรอท (แม้ความดันตาจะไม่สูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ แต่มักพบว่าความดันตาอยู่ใกล้กับค่าเพดานบนของค่าปกติ) โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ได้แก่
  • มีประวัติครอบครัวเป็นต้อหินชนิดความดันตาปกติ
  • เชื้อชาติญี่ปุ่น
  • มีประวัติโรคหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด มีภาวะเส้นเลือดหดตัวง่าย ความดันโลหิตต่ำในช่วงกลางคืน ภาวะเลือดหนืด ไมเกรน นอนกรน หรือโรคระบบภูมิคุ้มกันบางชนิด
  • ต้อหินมุมปิด (Angle – Closure Glaucoma) ต้อหินประเภทนี้พบได้น้อยกว่าต้อหินมุมเปิด เกิดจากการที่มุมตาถูกม่านตากั้นปิด  ส่งผลให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาไม่สามารถไหลเวียนออกได้ปกติ เกิดความดันตาสูงตามมา

     อาการ :   ต้อหินมุมปิดมีอาการแสดงได้แตกต่างกัน ดังนี้

  • ต้อหินมุมปิดเฉียบพลัน ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ผู้ป่วยต้องได้รักการรักษาอย่างทันท่วงที เพราะเป็นภาวะที่มีความดันตาสูงอย่างมากและรวดเร็ว ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ ปวดตา อย่างรุนแรงและเฉียบพลัน ตาแดง น้ำตาไหล  สู้แสงไม่ได้  ตามัว  เห็นแสงสีรุ้งรอบดวงไฟ รวมถึงคลื่นไส้อาเจียน
  • ต้อหินมุมปิดกึ่งเฉียบพลัน อาการในกลุ่มนี้จะค่อนข้างน้อยและเป็นๆหายๆ  ผู้ป่วยอาจจะมีอาการปวดศีรษะ ซึ่งการวินิจฉัยค่อนข้างยาก หากไม่ได้รับ
  • การตรวจตา
  • ต้อหินมุมปิดเรื้อรัง มักไม่มีอาการในระยะแรก เนื่องจากการดำเนินโรคเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาจตาบอดในที่สุด
  • ต้อหินแต่กำเนิด (Congenital Glaucoma)  เกิดในทารกหรือเด็กและอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ พบได้น้อยแต่อาการมักค่อนข้างรุนแรงและควบคุมโรคได้ยาก หากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกมักจะตาบอด
  • ต้อหินทุติยภูมิ (Secondary  Glaucoma)  ต้อหินกลุ่มนี้เกิดขึ้นโดยสาเหตุจากโรคตาอื่นๆ หรือโรคทางร่างกาย เช่น เคยมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตา  การอับเสบในลูกตา  เนื้องอกในตา  ต้อกระจกที่เป็นมากหรือเบาหวานขึ้นตามาก รวมถึงการใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ ทั้งนี้การรักษาขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้เกิดความดันตาสูง
  • ภาวะสงสัยต้อหิน (Glaucoma Suspect)  ในบางรายอาจพบประสาทตาหรือสานสายตาที่คล้ายคลึงกับคนเป็นโรคต้อหิน โดยมีความดันตาปกติ  ซึ่งกลุ่มนี้ต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด

 

การวินิจฉัยต้อหิน   ประกอบด้วย

  • การตรวจตาด้วย Slit-lamp Microscopy
  • การตรวจวัดความดันลูกตา
  • การตรวจลักษณะมุมตา
  • การตรวจลักษณะของขั้วประสาทตา
  • การตรวจสานสายตา
  • การตรวจด้วยเครื่องวิเคราะห์ชั้นจอประสาทตา (OCT)

 

การรักษาต้อหิน

เนื่องจากโรคต้อหินเป็นโรคที่เส้นประสาทตาจะถูกทำลายอย่างถาวร  การรักษาจึงมุ่งเน้นเพื่อการประคับประคอง เพื่อให้ประสาทตาไม่ถูกทำลายมากขึ้นและเพื่อคงการมองเห็นที่มีอยู่ให้นานที่สุด ทั้งนี้การรักษาจะขึ้นกับชนิดและระยะของโรค

  • การรักษาด้วยยา มีเป้าหมายในการรักษา เพื่อลดความดันตาให้อยู่ในระดับที่ประสาทตาไม่ถูกทำลายมากขึ้น ในปัจจุบันยารักษาต้อหินมีหลายกลุ่ม ซึ่งยาหยดเหล่านี้จะออกฤทธิ์ลดการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาหรือช่วยให้การไหลเวียนออกของน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาดีขึ้น การรักษาด้วยยาจำเป็นต้องหยดยาอย่างสม่ำเสมอตามแพทย์สั่งและแพทย์จะนัดติดตามอาการเป็นระยะๆ เพื่อประเมินผลการรักษา การดำเนินโรคและผลข้างเคียงจากยา
  • การใช้เลเซอร์ โดยประเภทของเลเซอร์ที่ใช้จะขึ้นกับขนิดของต้อหินและระยะของโรค
  • การผ่าตัด ใช้รักษาผู้ป่วยที่การรักษาด้วยยาหรือเลเซอร์ ไม่สามารถควบคุมความดันตาหรืออาการของโรคได้

 

 

 

 

SHARE
ข่าวประชาสัมพันธ์อื่นๆ