โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital Heart Disease)
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด คือ โรคที่พบได้ในเด็กแรกเกิด โดยพบในอัตรา 8 คน ต่อ ทารกแรกเกิดใหม่ 1000 ราย ในจำนวนนี้ ร้อยละ 50 ไม่มีอาการ ที่เหลือมีอาการเขียว เกิดจากความผิดปกติในการสร้างส่วนต่างๆของหัวใจตั้งแต่มารดาตั้งครรภ์ช่วงแรกๆ
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด เป็นได้อย่างไร?
ภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิดยังไม่ทราบสาเหตุอย่างชัดเจน อาจมีสาเหตุมาจากทางพันธุกรรม
ร่วมกับสิ่งแวดล้อม ความผิดปกติทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น กลุ่มอาการดาวน์สัมพันธ์กับการมีผนังกั้นห้องหัวใจด้านล่างรั่ว (Ventricular Septal Defect) และการติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น หัดเยอรมันระหว่างตั้งครรภ์ มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดภาวะเส้นเลือดหัวใจเกิน (Patent Ductus Arteriosus)
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมีอาการอย่างไร?
อาการแสดงของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด มีได้หลายแบบ เช่น หายใจหอบ เหนื่อยง่ายเวลาออกกำลังกาย เลี้ยงไม่โต หน้าอกโป่ง เขียว ใจสั่น เจ็บหน้าอก เป็นลม เป็นต้น ซึ่งอาจสรุปอาการสำคัญ
- Heart Murmur คือ ไม่มีอาการของโรคอย่างชัดเจน แต่ฟังได้ยินเสียงหัวใจผิดปกติเป็น murmur เป็นกลุ่มที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็กที่มาพบแพทย์ โดยอาจพบสูงถึง ร้อยละ 30 – 60 ของเด็กทั่วไป โดยเฉพาะในเด็กทารกหรือเด็กที่มีไข้จะฟังได้ชัดเจนขึ้น
- ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure) มีอาการแสดงที่บอกถึงภาวะหัวใจล้มเหลว โดยเฉพาะในเด็กเล็ก อาการที่สำคัญ คือ มีเหงื่อออกมากโดยเฉพาะบริเวณศีรษะ โดยไม่ได้สัดส่วนกับเสื้อผ้าที่หนา หรืออากาศร้อน ทารกใช้เวลาดูดนมนานกว่าปกติ โดยสังเกตได้จากเด็กที่มีร่างกายปกติจะดูดนมหมดหรืออิ่มใช้เวลาไม่เกิน 15-20 นาที แต่ในเด็กที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวจะใช้เวลานานกว่าหรืออาจใช้เวลาปกติแต่ปริมาณนมน้อยเกินไป (ยกตัวอย่างเช่น เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ปกติควรดูดนมต่อมื้อ จำนวนเป็นออนซ์เท่ากับน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม ถ้าเด็กน้ำหนัก 4 กิโลกรัม ควรดูดนมได้มื้อละ 4ออนซ์ ทุก 4 ชั่วโมง เป็นต้น)อาการตัวเล็ก เลี้ยงไม่โต น้ำหนักไม่ค่อยขึ้น ในเด็กโตที่เป็นโรคหัวใจมักมีอาการเหมือนกับในผู้ใหญ่ เช่น เหนื่อยง่ายเวลาออกกำลังกาย หรือ นอนราบแบบปกติไม่ได้ต้องนอนใช้หมอนหนุนสูงๆ หรือนอนศีรษะสูง
- อาการเขียว (Cyanosis) โดยสังเกตจากบริเวณเยื่อบุบริเวณริมฝีปาก ลิ้น เยื่อบุตา หรือใต้
เล็บ ในเด็กเล็กที่เริ่มมีอาการเขียว อาจเห็นว่าปลายนิ้วมือมีสีแดงเข้มกว่าส่วนอื่น
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมีวิธีการตรวจวินิจฉัยอย่างไร?
- ตรวจเอกซเรย์ปอด เพื่อประเมินภาวะหัวใจโต และเงาของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงยังปอดทั้ง 2 ข้าง
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เพื่อประเมินขนาดของหัวใจแต่ละห้อง และภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echo Cardiogram) เพื่อดูโครงสร้างของหัวใจและหลอด
เลือดอย่างละเอียด เพื่อดูความผิดปกติ เช่น ผนังกั้นห้องหัวใจมีรูรั่ว หรือการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติ
- ตรวจหัวใจและหลอดเลือดด้วยเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือตรวจด้วยเครื่องแม่เหล็กไฟฟ้า (MRA) เพื่อดูความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด ในกรณีที่การตรวจพิเศษอย่างอื่นไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ชัดเจน
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมีวิธีการรักษาอย่างไร?
แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
- การรักษาด้วยยา (Medical Treatment)ได้แก่ กลุ่มยารักษาภาวะหัวใจล้มเหลว เพื่อควบคุมอาการทางหัวใจ เช่น ในกรณีที่มีผนังกั้นห้องหัวใจด้านล่างรั่ว (Ventricular Septal Defect) ซึ่งเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดที่พบบ่อยที่สุด
- การรักษาด้วยการผ่าตัด (Surgical Treatment) ในกรณีที่มีความผิดปกติ เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดเขียว หรือการผ่าตัดปิดผนังกั้นห้องหัวใจด้านล่างที่รั่วโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
มีวิธีการดูแลเด็กที่เป็นโรคหัวใจได้อย่างไร?
- เฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่นโรคปอดอักเสบ ความดันปอดสูงผิดปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น
- ดูแลด้านอาหารและโภชนาการ งดให้เด็กรับประทานอาหารที่มีรสเค็ม อาหารที่มีเกลือเยอะ ขนมซอง ขนมกรุบกรอบ ของหมักดอง และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของโซเดียม ได้แก่ผงชูรส ผงฟู เป็นต้น
- ดูแลสุขภาพช่องปากและฟันเด็กให้สะอาดอยู่เสมอ พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลิ้นหรือผนังหัวใจ
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ควรพาเด็กไปรับวัคซีนต่างๆ ที่จำเป็นให้ครบ
- พาเด็กๆให้ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ตามวัย
- ตรวจตามนัดกับแพทย์เป็นระยะ ถ้าต้องใช้ยารักษา ไม่ควรหยุดกินยาเอง