โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

17 ก.พ. 2564 | เขียนโดย รพ.เด็กสินแพทย์

โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital Heart Disease)

โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด คือ โรคที่พบได้ในเด็กแรกเกิด โดยพบในอัตรา 8 คน ต่อ ทารกแรกเกิดใหม่ 1000 ราย ในจำนวนนี้ ร้อยละ 50 ไม่มีอาการ ที่เหลือมีอาการเขียว เกิดจากความผิดปกติในการสร้างส่วนต่างๆของหัวใจตั้งแต่มารดาตั้งครรภ์ช่วงแรกๆ

 

โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด เป็นได้อย่างไร?

ภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิดยังไม่ทราบสาเหตุอย่างชัดเจน อาจมีสาเหตุมาจากทางพันธุกรรม

ร่วมกับสิ่งแวดล้อม ความผิดปกติทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น กลุ่มอาการดาวน์สัมพันธ์กับการมีผนังกั้นห้องหัวใจด้านล่างรั่ว (Ventricular Septal Defect) และการติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น หัดเยอรมันระหว่างตั้งครรภ์ มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดภาวะเส้นเลือดหัวใจเกิน (Patent Ductus Arteriosus)

 

โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมีอาการอย่างไร?

อาการแสดงของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด มีได้หลายแบบ เช่น หายใจหอบ เหนื่อยง่ายเวลาออกกำลังกาย เลี้ยงไม่โต หน้าอกโป่ง เขียว ใจสั่น เจ็บหน้าอก เป็นลม เป็นต้น ซึ่งอาจสรุปอาการสำคัญ

  1. Heart Murmur คือ ไม่มีอาการของโรคอย่างชัดเจน แต่ฟังได้ยินเสียงหัวใจผิดปกติเป็น murmur เป็นกลุ่มที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็กที่มาพบแพทย์ โดยอาจพบสูงถึง ร้อยละ 30 – 60 ของเด็กทั่วไป โดยเฉพาะในเด็กทารกหรือเด็กที่มีไข้จะฟังได้ชัดเจนขึ้น
  2. ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure) มีอาการแสดงที่บอกถึงภาวะหัวใจล้มเหลว โดยเฉพาะในเด็กเล็ก อาการที่สำคัญ คือ มีเหงื่อออกมากโดยเฉพาะบริเวณศีรษะ โดยไม่ได้สัดส่วนกับเสื้อผ้าที่หนา หรืออากาศร้อน ทารกใช้เวลาดูดนมนานกว่าปกติ โดยสังเกตได้จากเด็กที่มีร่างกายปกติจะดูดนมหมดหรืออิ่มใช้เวลาไม่เกิน 15-20 นาที แต่ในเด็กที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวจะใช้เวลานานกว่าหรืออาจใช้เวลาปกติแต่ปริมาณนมน้อยเกินไป (ยกตัวอย่างเช่น เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ปกติควรดูดนมต่อมื้อ จำนวนเป็นออนซ์เท่ากับน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม ถ้าเด็กน้ำหนัก 4 กิโลกรัม ควรดูดนมได้มื้อละ 4ออนซ์ ทุก 4 ชั่วโมง เป็นต้น)อาการตัวเล็ก เลี้ยงไม่โต น้ำหนักไม่ค่อยขึ้น ในเด็กโตที่เป็นโรคหัวใจมักมีอาการเหมือนกับในผู้ใหญ่ เช่น เหนื่อยง่ายเวลาออกกำลังกาย หรือ นอนราบแบบปกติไม่ได้ต้องนอนใช้หมอนหนุนสูงๆ หรือนอนศีรษะสูง
  3. อาการเขียว (Cyanosis) โดยสังเกตจากบริเวณเยื่อบุบริเวณริมฝีปาก ลิ้น เยื่อบุตา หรือใต้

เล็บ ในเด็กเล็กที่เริ่มมีอาการเขียว อาจเห็นว่าปลายนิ้วมือมีสีแดงเข้มกว่าส่วนอื่น

 

โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมีวิธีการตรวจวินิจฉัยอย่างไร?

  1. ตรวจเอกซเรย์ปอด เพื่อประเมินภาวะหัวใจโต และเงาของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงยังปอดทั้ง 2 ข้าง
  2. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เพื่อประเมินขนาดของหัวใจแต่ละห้อง และภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  3. ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echo Cardiogram) เพื่อดูโครงสร้างของหัวใจและหลอด

เลือดอย่างละเอียด เพื่อดูความผิดปกติ เช่น ผนังกั้นห้องหัวใจมีรูรั่ว หรือการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติ

  1. ตรวจหัวใจและหลอดเลือดด้วยเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือตรวจด้วยเครื่องแม่เหล็กไฟฟ้า (MRA) เพื่อดูความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด ในกรณีที่การตรวจพิเศษอย่างอื่นไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ชัดเจน

 

โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมีวิธีการรักษาอย่างไร?

แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

  1. การรักษาด้วยยา (Medical Treatment)ได้แก่ กลุ่มยารักษาภาวะหัวใจล้มเหลว เพื่อควบคุมอาการทางหัวใจ เช่น ในกรณีที่มีผนังกั้นห้องหัวใจด้านล่างรั่ว (Ventricular Septal Defect) ซึ่งเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดที่พบบ่อยที่สุด
  2. การรักษาด้วยการผ่าตัด (Surgical Treatment) ในกรณีที่มีความผิดปกติ เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดเขียว หรือการผ่าตัดปิดผนังกั้นห้องหัวใจด้านล่างที่รั่วโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

 

มีวิธีการดูแลเด็กที่เป็นโรคหัวใจได้อย่างไร?

  1. เฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่นโรคปอดอักเสบ ความดันปอดสูงผิดปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น
  2. ดูแลด้านอาหารและโภชนาการ งดให้เด็กรับประทานอาหารที่มีรสเค็ม อาหารที่มีเกลือเยอะ ขนมซอง ขนมกรุบกรอบ ของหมักดอง และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของโซเดียม ได้แก่ผงชูรส ผงฟู เป็นต้น
  3. ดูแลสุขภาพช่องปากและฟันเด็กให้สะอาดอยู่เสมอ พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลิ้นหรือผนังหัวใจ
  4. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ควรพาเด็กไปรับวัคซีนต่างๆ ที่จำเป็นให้ครบ
  5. พาเด็กๆให้ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ตามวัย
  6. ตรวจตามนัดกับแพทย์เป็นระยะ ถ้าต้องใช้ยารักษา ไม่ควรหยุดกินยาเอง
 
ด้วยความห่วงใย จาก…โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2793 5000
หรือคลิกแอดไลน์ โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์ https://goo.gl/ysdW8g
IDline: @synphaetline
SHARE