โรคงูสวัด

เกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ (Varicella Zoster Virus: VZV) ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับที่ทำให้เกิดโรคสุกใส โดยหากเชื้อไวรัสกระจายไปทั่วร่างกายจะทำให้เป็นโรคสุกใส แต่ถ้าไวรัสเข้าไปตามเส้นประสาทส่วนปลายจะทำให้เป็นโรคงูสวัด

โรคงูสวัด กับวัยที่มีปัจจัยเสี่ยงก็สามารถป่วยเป็นโรคงูสวัดได้ จะมีปัจจัยด้านพฤติกรรมที่เพิ่มเติมเข้ามาด้วย เช่น
• ผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสมาก่อน
• มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
• ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ
• พักผ่อนไม่เพียงพอ, มีภาวะเครียดวิตกกังวล
• บริโภคแอลกอฮอล์, สูบบุหรี่ เป็นต้น

อาการเริ่มต้นของโรคงูสวัด 

– สัญญาณแรกของอาการโรคงูสวัด คือ อาการชา และอาการปวดบริเวณใดบริเวณหนึ่ง นอกจากนี้ผู้ป่วยจะรู้สึกอ่อนเพลีย
ปวดศีรษะ เหนื่อยง่าย มีไข้ ปวดแสบผิวหนังมากเหมือนถูกไฟไหม้ หรือร้อนวูบวาบ
– หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ตรงบริเวณที่มีอาการปวด ผู้ป่วยจะเริ่มสังเกตว่า ผิวหนังของตนมีสีแดง
หรือขึ้นผื่นตามบริเวณต่างๆ ของผิวหนังจุดเล็กๆ หรือเป็นแนวบางๆ หรือยาว
– ลักษณะของโรคงูสวัดจะพบได้เฉพาะบริเวณของเส้นประสาทที่เชื้อไวรัสเข้าไปแฝงตัว
สามารถทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บแสบตามบริเวณที่เป็นผื่นได้ด้วย แต่อาการระยะแรกยังไม่อยู่ในขั้นที่สามารถติดต่อไปถึงผู้อื่นได้

ใครควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด 
สำหรับบุคคลที่ควรได้รับวัคซีน คือ 50 ปีขึ้นไป แต่ในกรณีของผู้ป่วยโรคเรื้อรังหรือมีโรคอื่น ๆ
ที่ทำให้ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง ผู้ป่วยอาจสามารถเข้ารับวัคซีนป้องกันงูสวัด ได้อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปเท่านั้น

“ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ไม่เป็นโรคเลย
แต่เป็นการช่วยลดโอกาสของการเกิดโรคได้มากขึ้นและลดความรุนแรงของโรคลงได้ ”