สำหรับคู่แต่งงานที่พยายามมีลูก จนในที่สุดก็สามารถตั้งครรภ์ได้สำเร็จ คงมีความรู้สึกอิ่มเอมใจอยู่ไม่น้อย แต่ต้องไม่ชะล่าใจและควรไปฝากครรภ์ให้เรียบร้อย รวมถึงควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ที่สำคัญ ว่าที่คุณแม่ยังต้องหมั่นสังเกตตนเองอยู่เสมอ เพราะสิ่งไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และหนึ่งในนั้นก็คือภาวะท้องนอกมดลูก ที่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์สูงมากเลยทีเดียว
บทความนี้ จะขอพาว่าที่คุณแม่ไปทำความรู้จักภาวะท้องนอกมดลูก พร้อมวิธีสังเกตอาการ รวมถึงแนวทางการรักษามาบอกกัน เพื่อให้การตั้งครรภ์ของคุณแม่สมบูรณ์และปลอดภัยมากที่สุด
รู้จักภาวะท้องนอกมดลูก
ท้องนอกมดลูก คือภาวะผิดปกติของการตั้งครรภ์ โดยไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิมีการฝังตัวในบริเวณอื่นนอกโพรงมดลูก เช่น ท่อนำไข่ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พบได้บ่อยที่สุด รวมถึงบริเวณปากมดลูก รังไข่ หรือในช่องท้อง ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า หากมีภาวะท้องนอกมดลูก จะมีอาการแพ้ท้องไหม หรือตรวจขึ้นกี่ขีด สำหรับภาวะนี้ ในระยะแรกที่ประจำเดือนเริ่มไม่มาประมาณ 1-2 เดือน หากนำปัสสาวะไปตรวจกับที่ตรวจครรภ์จะพบเป็น 2 ขีด ทั้งยังมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บคัดบริเวณเต้านม หรือมีเลือดออกจากช่องคลอดเล็กน้อย เหมือนการตั้งครรภ์ทั่วไป แต่หลังจากผ่านไป 7 สัปดาห์จนถึง 2 เดือน จะเริ่มมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ซึ่งอาจร้ายแรงถึงขั้นต้องยุติการตั้งครรภ์ในที่สุด
สาเหตุของการท้องนอกมดลูก
- ท่อนำไข่มีลักษณะผิดรูป
ทำให้ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิและกลายเป็นตัวอ่อน เคลื่อนที่ไปไม่ถึงผนังมดลูก และฝังตัวบริเวณนอกโพรงมดลูกเสียก่อน ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ท่อนำไข่ผิดปกติ มีดังนี้
-
- การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน พังผืดบริเวณปีกมดลูก
- ท่อนำไข่ได้รับความเสียหายจากการติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์
- ท่อนำไข่ผิดรูปร่างมาตั้งแต่กำเนิด
- มีเนื้องอกในท่อนำไข่
- สูบบุหรี่
สารนิโคตินในบุหรี่มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพันธุกรรม (ยีนส์) ของเซลล์เยื่อบุท่อรังไข่ นำไปสู่ความผิดปกติทั้งโครงสร้างและการทำงาน ทำให้ไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว เดินทางไปไม่ถึงโพรงมดลูก กลายเป็นการท้องนอกมดลูกในที่สุด
- ใช้ยาคุมฉุกเฉินหรือ คุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัย
-
- การใช้ยาคุมฉุกเฉินจะออกฤทธิ์ต่อสภาพแวดล้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก ส่งผลให้เยื่อบุมดลูกมีความผิดปกติ และเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้
- การใช้ห่วงคุมกำเนิด ส่งผลต่อกลไกการปฏิสนธิ จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้เช่นกัน
สัญญาณเตือนภาวะท้องนอกมดลูก
หากไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิไปฝังตัวในบริเวณอื่น ไม่ว่าจะเป็นท่อนำไข่ ปากมดลูก หรือในช่องท้อง ที่ไม่สามารถรองรับการเจริญเติบโตของตัวอ่อนได้ จะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้ หากไม่รีบรักษา ซึ่งสัญญาณเตือนของภาวะท้องนอกมดลูก จะมีดังนี้
- ปวดบริเวณทวารหนัก
- มีเลือดออกทางช่องคลอด
- ปวดท้องน้อย อุ้งเชิงกราน และหลังส่วนล่าง
- อ่อนแรง หน้ามืด เวียนศีรษะ มีภาวะช็อก
กลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการท้องนอกมดลูก
สำหรับคุณแม่ที่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ อาจมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์นอกมดลูกได้
- มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป เนื่องจากอวัยวะในระบบสืบพันธุ์อาจเกิดการเปลี่ยนแปลง หรือประสิทธิภาพในการทำงานลดน้อยลง
- เคยมีประวัติท้องนอกมดลูกมาก่อน
- เป็นผู้มีบุตรยาก หรือมีภาวะไม่เจริญพันธุ์
- มีรอยแผลจากการผ่าตัดท่อนำไข่ ผ่าตัดอุ้งเชิงกราน ผ่าตัดช่องท้อง หรือรักษาอาการเจ็บป่วยบริเวณท่อนำไข่มาก่อน
- มีภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ จนทำให้เกิดแผลเป็น กีดขวางการเดินทางไปยังมดลูก ของไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้ว
- เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองใน โรคหนองในเทียม จนทำให้เกิดการอักเสบในท่อนำไข่และอวัยวะอื่น ๆ บริเวณมดลูก ส่งผลให้เกิดการตีบตันในท่อนำไข่ จนไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว ไม่สามารถเดินทางไปฝังตัวยังโพรงมดลูกได้
การรักษาภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก
หลังจากได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ามีภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก แพทย์จำเป็นต้องทำการรักษาอย่างเร่งด่วน ด้วยการนำตัวอ่อนออกมา ซึ่งมีวิธีในการรักษา ดังต่อไปนี้
การใช้ยา
เป็นการใช้ยาที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตจนเป็นอันตรายต่ออวัยวะบริเวณที่ฝังตัว ซึ่งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และต้องมีการติดตามผลข้างเคียงจากการรักษาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงควรต้องเว้นระยะของการตั้งครรภ์ออกไปก่อน
การผ่าตัด
เป็นการผ่าตัดโดยใช้เครื่องมือพิเศษ เพื่อนำตัวอ่อนที่ฝังตัวนอกมดลูกออกมา และหลังจากนั้นจะทำการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายให้กลับมาฟื้นฟูเป็นปกติ
การรักษาภาวะแทรกซ้อน
หากมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ช็อกจากการเสียเลือดมาก จำเป็นต้องได้รับเลือดทดแทน หรือถ้ามีอาการอักเสบ ก็ต้องใช้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
การป้องกันการตั้งครรภ์นอกมดลูก
ถึงแม้ว่าการตั้งครรภ์นอกมดลูกเป็นภาวะที่คาดเดาได้ยาก แต่ก็ยังมีวิธีป้องกัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงได้ ดังนี้
- มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ เพื่อลดโอกาสในการได้รับเชื้อโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางอนามัยเพื่อช่วยป้องกันโรค
- รักษาสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก และต้องคอยสังเกตความผิดปกติของร่างกาย เพื่อจะได้เข้ารับการตรวจวินิจฉัย และรักษาโรคได้อย่างทันท่วงที
- วางแผนดูแลการตั้งครรภ์ตั้งแต่ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ และหมั่นสังเกตอาการขณะตั้งครรภ์ รวมถึงปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สงสัยว่าตนเองมีภาวะท้องนอกมดลูก สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้ที่ แผนกสูตินรีเวช โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมมอบการรักษาอย่างครอบคลุม
นัดหมายแพทย์ออนไลน์ หรือปรึกษาได้ที่ Call Center 02-793-5000