
‘หูอื้อ’ เกิดขึ้นเมื่อการได้ยินเสียงลดลง หรือได้ยินไม่ชัดเจน รู้สึกเหมือนมีอะไรมาอุดที่หู ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่การที่หูอื้อ เพราะเกิดจาก ‘ขี้หูตัน’ นั้นจะจริงหรือไม่ มาดูคำตอบกัน
หูอื้อเกิดจากอะไร
หูอื้อเป็นอาการที่พบได้บ่อย และสามารถเกิดจากสาเหตุได้หลากหลาย โดยสาเหตุหลักๆ ที่พบบ่อย ได้แก่
- การสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานาน : การฟังเพลงเสียงดัง การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง เช่น โรงงาน อาจทำให้เซลล์ประสาทหูได้รับความเสียหาย
- การติดเชื้อในหู : เช่น หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ
- โรคเกี่ยวกับหูชั้นใน : เช่น โรคเมนิแยร์ (Meniere’s disease) ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของของเหลวในหูชั้นใน
- ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไร้ : บางครั้ง อาการหูอื้ออาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของข้อต่อขากรรไร้ ทำให้เกิดเสียงดังในหู
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิด : ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาลดไข้ อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการหูอื้อ
- โรคอื่น ๆ : โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ และเนื้องอกในสมอง ก็อาจมีอาการหูอื้อร่วมด้วยได้
สาเหตุของอาการหูอื้อ
หูอื้อเกิดจากอะไร จริง ๆ แล้ว หูอื้อมาสาเหตุการเกิด 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ ส่วนที่เป็นการนำเสียง กับส่วนประสาทในการรับฟังเสียง หากหูอื้อจากส่วนนำเสียงมีปัญหา อาจจะมาจากการที่หูมีขี้หู มีน้ำในหู หรือมีสิ่งแปลกปลอมอาศัยอยู่ด้านใน ทำให้หูติดเชื้อตั้งแต่ชั้นกลาง ไปจนถึงระดับที่แก้วหูสามารถทะลุได้ หรืออีกกรณีถ้าหูอื้อจากระบบประสาทการรับฟัง จะมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือเป็นไปตามวัยตามปกติ
ขี้หูอุดตันกับอาการหูอื้อ
ขี้หูอุดตันทำให้หูอื้อเกิดจากอะไร สิ่งนี้เป็นคำถามที่คาใจใครหลาย ๆ คน เพราะไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้จริงหรือไม่ แต่ตามหลักแล้ว หูอื้อเกิดจากขี้หูอุดตันได้จริง ๆ อธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ เลย คือ ขี้หูจะอุดตันบริเวณทางเดินของเสียง หากมีขี้หูมาก ๆ หรือไม่ได้กำจัดออก จะทำให้การได้ยินลดลงเรื่อย ๆ หากปล่อยทิ้งไว้ ก็จะยิ่งทำให้การได้ยินลดลงไปด้วย และซ้ำร้ายไปกว่านั้นถ้าจะเอาออกและใช้ไม้แคะหู หรือคอตตอนบัดปั่นออก อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับหู หรือหูอักเสบติดเชื้อได้ ดังนั้นการทำให้หูสะอาดและปราศจากขี้หูอยู่เสมอ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นพอสมควร
ใครที่เสี่ยงเป็นหูอื้อ
ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นหูอื้อ ได้แก่
- ผู้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง : เช่น นักดนตรี ช่างเครื่อง
- ผู้ที่มีประวัติการติดเชื้อในหูบ่อย : เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเกี่ยวกับหู : เช่น โรคเมนิแยร์
- ผู้ที่มีอายุมากขึ้น : เนื่องจากเซลล์ประสาทหูเสื่อมตามอายุ
- ผู้ที่ใช้ยาบางชนิด : โดยเฉพาะยาลดไข้ ยาปฏิชีวนะ
หูอื้อรักษายังไง
การรักษาอาการหูอื้อขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ก่อให้เกิด โดยแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึง
- การรักษาสาเหตุ : หากหูอื้อเกิดจากการติดเชื้อ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ หากเกิดจากโรคเมนิแยร์ แพทย์อาจให้ยาเพื่อควบคุมอาการ
- การใช้เครื่องช่วยฟัง : หากหูอื้อเกิดจากการสูญเสียการได้ยิน เครื่องช่วยฟังจะช่วยให้ผู้ป่วยได้ยินเสียงได้ดีขึ้น
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม : เช่น หลีกเลี่ยงเสียงดัง พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด
- การรักษาทางกายภาพบำบัด : ในบางกรณี การทำกายภาพบำบัดอาจช่วยบรรเทาอาการหูอื้อได้
- การใช้ยา : ในบางราย แพทย์อาจพิจารณาให้ยารักษาอาการ เช่น ยาแก้เวียนหัว ยาคลายกล้ามเนื้อ
FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการหูอื้อ
หูอื้ออันตรายไหม?
อาการหูอื้อเองไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการที่บ่งบอกถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระบบการได้ยินหรือระบบอื่นๆ ของร่างกาย อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การสัมผัสกับเสียงดัง การติดเชื้อในหู ขี้หูอุดตัน ผลข้างเคียงของยาบางชนิด โรคบางชนิด เช่น โรคเมเนียร์ (Meniere’s disease) หรือเนื้องอกในหู หากอาการหูอื้อเป็นเพียงชั่วคราวและหายไปเอง อาจไม่จำเป็นต้องกังวล แต่หากอาการหูอื้อเป็นเรื้อรัง รุนแรง หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เวียนศีรษะ ปวดหู หรือสูญเสียการได้ยิน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
หูอื้อข้างเดียวต้องกังวลไหม?
เสียงดังทำให้เกิดอาการหูอื้อถาวรได้ไหม?
เสียงดังสามารถทำให้เกิดอาการหูอื้อถาวรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสัมผัสกับเสียงดังเป็นเวลานาน หรือเสียงดังมาก ๆ เพียงครั้งเดียว ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ขนในหูชั้นใน ซึ่งมีหน้าที่ในการรับเสียงและส่งสัญญาณไปยังสมอง



สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-006-9999 หรือ
แอดไลน์ ID line : @synphaetline
# โรงพยาบาลสินแพทย์ลำลูกกา
#ให้สินแพทย์เป็นเพื่อนคุณ
#เบื้องหลังทุกการรักษาคือความใส่ใจ