หากเริ่มรู้สึกมีอาการคอแข็ง ขยับได้ไม่สะดวก ไม่สามารถก้มหน้าให้คางชิดอกได้ หรือมีอาการปวดศีรษะ เจ็บปวดเวลาก้มหน้า ก้มคอ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการเหล่านี้ถือเป็นอาการเสี่ยงของ ‘เยื่อหุ้มสมองและไขสันหลังอักเสบ’ หากปล่อยไว้อาจมีอันตรายถึงชีวิต
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เกิดได้จากทั้งแบคทีเรีย และไวรัส โดยแบคทีเรียจะพบได้ยากแต่มีความร้ายแรงมาก ส่วนไวรัสพบได้บ่อยกว่าในช่วงหน้าร้อนแต่ก็มีความร้ายแรงน้อยกว่า และถึงแม้ว่าความร้ายแรงจะต่างกัน แต่อาการและสัญญาณของโรคนั้นมีความคล้ายกัน คือ ไข้ขึ้นสูงกะทันหัน ปวดหัวรุนแรง คอแข็ง ปวดข้อเป็นต้น โรคนี้สามารถเกิดได้ทั้งกับเด็กและในผู้ใหญ่ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดในเด็กเล็กและผู้สูงอายุสูงเป็นอย่างมาก เนื่องจากภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง
โรคนี้สามารถติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัส ไอ จาม รับประทานอาหารโดยใช้ช้อน ส้อม แก้วน้ำร่วมกัน หากเริ่มรู้สึกมีอาการน่าสงสัย ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษาในทันที การรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค โดยแพทย์จะทำการซักประวัติตรวจร่างกาย ตรวจเลือดและปัสสาวะ รวมถึงการเจาะน้ำไขสันหลังเพื่อตรวจดูว่าติดเชื้อชนิดใด
ในปัจจุบันเราสามารถตรวจเอ็กซ์เรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ร่วมกับการตรวจอื่น ๆ ได้ เพื่อตรวจดูระบบประสาทและปัญหาภายในสมองให้ได้ผลที่มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น MRI สามารถแสดงภาพเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้ชัดเจน และนอกจากโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบแล้ว โรคอื่น ๆ ที่มีอาการปวดศีรษะแบบผิดปกติ เช่น โรคเนื้องอกในสมอง โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง เลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง เลือดคั่งในสมอง ก็สามารถทำการตรวจ MRI ได้เช่นกัน
เราสามารถหลีกเลี่ยงการดื่มหรือรับประทานอาหารจากภาชนะเดียวกันกับผู้อื่น และส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรียและไวรัสต่าง ๆ ได้
.
สำหรับชาวลำลูกกาที่มีอาการที่น่าสงสัย สามารถเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศูนย์โรคติดเชื้อ >> คลิก
โรงพยาบาลสินแพทย์ลำลูกกา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-006-9999 หรือ
แอดไลน์ ID line : @synphaetline
#ให้สินแพทย์เป็นเพื่อนคุณ
#เบื้องหลังทุกการรักษาคือความใส่ใจ