“หุ่นยนต์ผ่าตัด” หนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถผ่าตัดได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในจุดที่มีความซับซ้อนและเข้าถึงได้ยาก อย่างการรักษาโรคมะเร็ง และการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
เทคโนโลยีหุ่นยนต์ผ่าตัดคืออะไร
หุ่นยนต์ผ่าตัด หรือ Robotic Surgery คือ เครื่องมือทางการแพทย์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา โดยเป็นเครื่องมือที่เพิ่มความแม่นยำและปลอดภัยในการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของร่างกาย ที่สำคัญคือ แผลเล็ก เจ็บน้อย และผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้ไวกว่าการผ่าตัดในแบบอื่น ๆ
หลายคนเข้าใจว่าการผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์เป็นการผ่าตัดโดยปราศจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นเครื่องมือของศัลยแพทย์ที่ใช้ในการช่วยผ่าตัด พูดง่าย ๆ คือ ศัลยแพทย์ยังเป็นผู้ที่ดำเนินการผ่าตัด แต่ใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดเป็นตัวช่วย ซึ่งจะต้องใช้ศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการดำเนินการ
ระบบของหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด
หุ่นยนต์ทางการแพทย์ที่ช่วยผ่าตัดจะมีลักษณะเป็นแขนกล โดยทำงานประสานกันเป็นระบบ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนสำคัญ คือ
- ส่วนควบคุมการผ่าตัด (Surgeon Console) เป็นส่วนของแผงการควบคุม ซึ่งเป็นส่วนที่ศัลยแพทย์ควบคุมการผ่าตัดผ่านแขนของหุ่นยนต์ โดยแพทย์จะสามารถมองเห็นภาพอวัยวะของผู้ป่วยบริเวณที่จะผ่าตัดผ่านหน้าจอที่มีความละเอียดสูง
- ส่วนหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด (Instrument System) เป็นส่วนของแขนกลที่ช่วยในการผ่าตัด โดยหุ่นยนต์ผ่าตัดที่นำมาใช้ในการรักษาจะติดตั้งเครื่องมือไว้ที่บริเวณนี้ และทำงานแทนมือของศัลยแพทย์ แต่สามารถเคลื่อนไหวได้หลายทิศทางมากกว่า โดยถูกออกแบบให้สามารถหมุนและเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ปราศจากข้อจำกัด สามารถทำการผ่าตัดในบริเวณที่เข้าถึงได้ยาก หรือมีความซับซ้อน
- ส่วนของจอภาพและแสดงผล ซึ่งจะเป็นส่วนที่มีการส่งภาพในลักษณะ 3 มิติที่มีความแม่นยำสูงไปยังหน้าจอ เพื่อให้แพทย์สามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน และดำเนินการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ
ข้อดีของการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์
สำหรับการผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งมีข้อดีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาต่อไปนี้
- มีความแม่นยำและมีความเสถียรมากกว่า สามารถเคลื่อนไหวได้มั่นคงมากกว่ามือมนุษย์ และสามารถหมุนได้องศาที่มากกว่า ทำให้สามารถผ่าตัดในที่แคบ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผ่าตัดแผลเล็ก เมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องหรือผิวหนังบริเวณอวัยวะที่ต้องการผ่าตัด ร่างกายจะบอบช้ำน้อยกว่า และเสียเลือดน้อยกว่า ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่า
- มองเห็นบริเวณที่ผ่าตัดได้ชัดเจนและแม่นยำมากยิ่งขึ้น การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ในปัจจุบันจะแสดงภาพเป็นแบบ 3 มิติ ซึ่งมีมิติความลึก มีความคมชัดสูง ที่สำคัญคือ สามารถขยายได้มากถึง 10 เท่า ทำให้สามารถเลาะเส้นเลือดหรือเส้นประสาทที่มีขนาดเล็กได้อย่างแม่นยำ
- ลดความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดได้มากกว่า เนื่องจากบอบช้ำน้อยกว่า ลดระยะเวลาการพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วยิ่งขึ้น
ลดเวลาในการผ่าตัด ช่วยให้การผ่าตัดรวดเร็วยิ่งขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการผ่าตัดที่มีความซับซ้อน
การผ่าตัดที่นิยมใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด
ปัจจุบันได้มีการนำหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดมาใช้ในแทบจะทุกประเภท ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ที่ทำการรักษา โดยการผ่าตัดที่นิยมใช้มีต่อไปนี้
- โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด
- โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร
- โรคมะเร็ง
- การผ่าตัดข้อ เปลี่ยนข้อเทียม
- โรคทางนรีเวช อย่างการผ่าตัดมดลูก ภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน
- โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ปอด และทรวงอก
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
เมื่อแพทย์ได้ทำการวินิจฉัยว่าจะผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ ผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพร่างกายก่อนการผ่าตัด ทั้งการซักประวัติ ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด และอื่น ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อสุขภาพของผู้ป่วยหลังการผ่าตัด เพราะแม้ว่าจะเป็นการผ่าตัดแผลเล็ก แต่การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ก็ยังมีความเสี่ยงและอาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนเช่นเดียวกับการผ่าตัดแบบเปิด และการผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์อาจจะไม่เหมาะกับผู้ป่วยบางรายอีกด้วย
“หุ่นยนต์ผ่าตัด” เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วย ลดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด และช่วยให้สามารถฟื้นตัวได้ไว กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติภายใน 1-2 วัน
สำหรับผู้ที่สนใจการรักษาด้วยหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการรักษา หรือนัดหมายแพทย์เพื่อตรวจรักษาอย่างละเอียดได้ที่ โรงพยาบาลสินแพทย์ ลำลูกกา Call Center 02-006-9999