เข้าใจภาวะเสี่ยงของอาการตกเลือดหลังคลอด ไปรู้กันว่ามีกี่ระยะ พร้อมชี้ให้เห็นถึงอาการ และแนวทางการป้องกันที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่หลังคลอด
ก่อนการคลอดบุตร หากไม่ระมัดระวังและดูแลตนเอง ก็อาจเจอกับความเสี่ยงได้อย่างมากมาย หรือแม้แต่หลังคลอดคุณแม่ก็ยังต้องเฝ้าระวัง เพราะอาจเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอดได้ ในบทความนี้เราจะไปรู้จักกับอาการของภาวะตกเลือดหลังคลอดกันให้มากขึ้น ไปดูกันว่าอาการในระยะต่าง ๆ เป็นอย่างไร จะได้รู้เท่าทันและหาวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง
ภาวะตกเลือดหลังคลอดคืออะไร ?
ภาวะตกเลือดหลังคลอด หมายถึง การเสียเลือดมากหรือเท่ากับ 500 มิลลิลิตร จากการคลอดปกติ และมากกว่าหรือเท่ากับ 1,000 มิลลิลิตรจากการผ่าตัดคลอด และได้รับการวินิจฉัยว่า มีอาการเสียเลือดมาก เช่น ชีพจรเต้นเร็ว หน้ามืด กระสับกระส่าย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการช็อกจากการเสียเลือดในที่สุด
ภาวะตกเลือดหลังคลอดและผลกระทบจากการสูญเสียเลือด
- การสูญเสียเลือดปริมาณมากจะส่งผลต่อเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้ขาดออกซิเจนจนร่างกายขาดความสมดุล
- ผลกระทบโดยตรงต่อสมองส่วนไฮโปทาลามัส และต่อมใต้สมองที่ส่งผลต่อฮอร์โมนหลังคลอด
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ภาวะต่อมใต้สมองตายจากการขาดเลือดไปเลี้ยง (Sheehan’s syndrome) โลหิตจางรุนแรง อาการช็อก ทุพพลภาพ และเสียชีวิตได้
ระยะและสาเหตุของภาวะตกเลือดหลังคลอด
สำหรับผู้ที่สงสัยว่า ระยะการตกเลือดหลังคลอดมีกี่ระยะ และแต่ละแบบมีสาเหตุมาจากอะไร ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ระยะของการเกิดภาวะตกเลือดนั้น จะแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ การตกเลือดหลังคลอดระยะเฉียบพลัน และการตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง โดยจะมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป ดังนี้
1. การตกเลือดหลังคลอดระยะเฉียบพลัน
การตกเลือดหลังคลอดระยะเฉียบพลัน เป็นอาการที่เกิดภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด โดยมีสาเหตุการเกิดดังนี้
- กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวไม่ดี เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด
- การฉีกขาดของช่องทางในการคลอด เช่น ปากมดลูกหรือช่องคลอด
- การมีเศษรกหรือเยื่อหุ้มทารกค้างอยู่ในโพรงมดลูก
- การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
ซึ่งโดยปกติแล้ว การตกเลือดหลังคลอดระยะเฉียบพลัน มักจะเกิดในช่วงเวลาที่คุณแม่ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จึงยังมีพยาบาลและทีมแพทย์คอยให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันภาวะนี้ที่อาจเกิดขึ้น
2. การตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง
ในส่วนของการตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง คือภาวะการมีเลือดออกหลังจาก 24 ชั่วโมง ไปจนถึง 12 สัปดาห์หลังคลอด โดยมีสาเหตุอยู่ 2 ประการ ดังนี้
- การติดเชื้อ ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด
- มีเศษรก หรือเยื่อหุ้มทารกค้างในโพรงมดลูก พบได้ทั้งสาเหตุตกเลือดหลังคลอดเฉียบพลันและระยะหลัง
วิธีป้องกันและรักษาภาวะตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง
สำหรับการรักษาภาวะตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พ้นการรักษาจากโรงพยาบาล และอาจเกิดได้กับทุกคน จำเป็นต้องสังเกตตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหากคุณแม่หลังคลอดต้องเจอกับภาวะนี้ แพทย์จะใช้กระบวนการรักษาดังต่อไปนี้
- ในกรณีที่มีเลือดออกจากการติดเชื้อในโพรงมดลูก แพทย์จะทำการรักษาโดยการให้ยาฆ่าเชื้อ เพื่อหยุดยั้งอาการ โดยจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
- ในกรณีที่มีเศษรกค้างภายในโพรงมดลูก แพทย์อาจประเมินเป็นการให้ยากระตุ้นมดลูกให้หดรัดตัว ประกอบกับการให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการติดเชื้อในโพรงมดลูก และพิจารณาขูดหรือดูดเลือดออกจากโพรงมดลูก
- ในกรณีที่ช่องคลอดมีการฉีกขาด แพทย์จะทำการเย็บซ่อมเพื่อทำการรักษา
- สำหรับเคสที่มีการเสียเลือดค่อนข้างมาก แพทย์จะพิจารณาให้เลือดเพื่อทดแทน
หลังคลอดบุตรแล้ว คุณแม่ไม่ควรละเลยการสังเกตตนเอง หากพบว่ามีเลือดออกมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะหลังคลอดทันที หรือมีอาการหลังคลอดไปแล้ว 12 สัปดาห์ก็ควรเข้ามาพบแพทย์ และรับการตรวจภายในทันที โดยที่โรงพยาบาลสินแพทย์ นครปฐม เรามีแผนกสูตินรีเวชที่ให้การดูแลด้านการตั้งครรภ์ พร้อมทีมสูตินรีแพทย์ผู้ชำนาญการที่คอยให้บริการอย่างใกล้ชิด พร้อมช่วยดูแลทั้งคุณแม่และลูกน้อยด้วยอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายเข้าพบแพทย์ได้ที่เบอร์ 034-271-999