ทำความรู้จัก มะเร็งลำไส้

4 มี.ค. 2565 | เขียนโดย รพ.สินแพทย์ ศรีนครินทร์

โรครักษาไกล ที่ใกล้ตัว ทำความรู้จักมะเร็งลำไส้ อาการแบบนี้เป็นระยะไหน ตรวจเช็กสาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง แนวทางวินิจฉัย พร้อมวิธีรักษา เพื่อช่วยยืดระยะเวลาให้ผู้ป่วย



ทำความรู้จัก มะเร็งลำไส้

มะเร็งลำไส้คืออะไร?

มะเร็งลำไส้ คือ มะเร็งที่เกิดขึ้นในลำไส้ใหญ่หรือทวารหนัก เกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติในเยื่อบุลำไส้ ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

 

อาการของมะเร็งลำไส้

อาการของมะเร็งลำไส้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและตำแหน่งของมะเร็ง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ๆ ดังนี้

อาการเริ่มต้น

มะเร็งลำไส้อาการเริ่มต้น มักไม่แสดงอาการใด ๆ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ระบบขับถ่ายทำงานไม่ปกติ รู้สึกอุจจาระไม่สุด รู้สึกไม่สบายท้อง แต่อาการพวกนี้เป็นเพียงชั่วคราว สามารถเป็น ๆ หาย ๆ จึงทำให้หลายคนละเลยและไม่ไปพบแพทย์ ระยะนี้

อาการที่รุนแรงขึ้น

อาการที่รุนแรงขึ้น จะเกิดหลังจากมะเร็งเริ่มลุกลามและขยายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง แต่ยังไม่ไปถึงต่อมน้ำเหลือง โดยอาการที่จับสังเกตได้ คือ ปวดท้องเป็นประจำ ปวดบีบเกร็งในช่อง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด มีเลือดติดกระดาษชำระ ท้อง รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย มีอาการซีด และน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ลดน้ำหนักหรือคุมอาหารอยู่

อาการระยะลุกลาม

อาการระยะลุกลาม ระยะที่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และรักษาได้เพียงการประคับประคองตัวโรค อาการเด่น ๆ คือ หากมะเร็งแพร่ไปยังกระดูก ก็จะรู้สึกปวดกระดูก ถ้าแพร่ไปยังบริเวณปอด ก็จะไอเรื้อรัง หายใจลำบาก แพร่ไปที่ตับ จะมีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง เป็นต้น 

 

ปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุของมะเร็งลำไส้

ปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุของมะเร็งลำไส้ ในส่วนของสาเหตุยังไม่มีที่มาแบบแน่ชัด แต่ปัจจัยหลัก ๆ ประกอบไปด้วย

  • เลือกรับประทานเนื้อแดง เนื้อติดมันในปริมาณที่มากเกินพอดี
  • รับประทานอาหารแปรรูป อาหารที่ผ่านการปรุงแต่ง เช่น เบคอน ไส้กรอก และแฮม
  • ไม่รับประทานผักและผลไม้
  • มีน้ำหนักเกินเกณฑ์
  • ไม่ออกกำลังกาย
  • สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงพันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้เช่นเดียวกัน

 

วิธีการวินิจฉัยมะเร็งลำไส้

การวินิจฉัยมะเร็งลำไส้มีหลายวิธี โดยแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ดังนี้

  • การตรวจหาเลือดในอุจจาระ (Fecal occult blood test: FOBT) : เป็นการตรวจหาเลือดที่มองไม่เห็นในอุจจาระ หากพบเลือดอาจบ่งชี้ถึงมะเร็งหรือมีติ่งเนื้อบริเวณลำไส้
  • การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) : เป็นการสอดกล้องขนาดเล็กที่มีไฟและกล้องวิดีโอเข้าไปในลำไส้ใหญ่ เพื่อตรวจดูความผิดปกติและตัดชิ้นเนื้อไปทดสอบทางพยาธิวิทยา
  • การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ลำไส้ใหญ่ (CT colonography) : เป็นการใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ในการสร้างภาพสามมิติของลำไส้ใหญ่ เพื่อตรวจหาติ่งเนื้อหรือมะเร็ง
  • การตรวจทางทวารหนัก (Digital rectal exam: DRE) : แพทย์จะใช้นิ้วสอดเข้าไปในทวารหนัก เพื่อตรวจหาก้อนเนื้อหรือความผิดปกติอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นกับลำไส้
  • การตรวจเลือด : เพื่อตรวจหาค่ามะเร็ง (tumor markers) เช่น CEA (carcinoembryonic antigen) ซึ่งค่านี้จะสูงขึ้นในกลุ่มคนที่เป็นมะเร็งลำไส้
  • การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy) : หากพบความผิดปกติจากการส่องกล้องหรือการตรวจอื่น ๆ แพทย์จะตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อยืนยันว่าเป็นมะเร็งหรือไม่

 

วิธีการรักษามะเร็งลำไส้

วิธีการรักษามะเร็งลำไส้ขึ้นอยู่กับระยะของโรค ตำแหน่งของมะเร็ง และสุขภาพองค์รวมของผู้ป่วย มีวิธีการรักษาหลัก ๆ ดังนี้

  • การผ่าตัด (Surgery) : เป็นการรักษาหลักสำหรับมะเร็งลำไส้ในระยะเริ่มต้น โดยแพทย์จะผ่าตัดนำส่วนของลำไส้ที่เป็นมะเร็งและต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงออก
  • เคมีบำบัด (Chemotherapy) : เป็นการทำลายเซลล์มะเร็งด้วยการใช้ยาเคมี หลังการผ่าตัดเพื่อลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำ หรือใช้ในกรณีที่มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ
  • รังสีรักษา (Radiation therapy) : เป็นการใช้รังสีพลังงานสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง มักใช้ร่วมกับการผ่าตัดหรือเคมีบำบัด หรือใช้ในกรณีที่มะเร็งอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถผ่าตัดได้
  • การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted therapy) : เป็นการใช้ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง โดยไม่ทำลายเซลล์ปกติ มักใช้ในกรณีที่มะเร็งแพร่กระจาย
  • ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) : เป็นการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง มักใช้ในกรณีที่มะเร็งแพร่กระจายและไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ

 

การป้องกันมะเร็งลำไส้

การป้องกันมะเร็งลำไส้สามารถทำได้หลายวิธี โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขภาพให้แข็งแรง

  • ลดการบริโภคเนื้อแดงและเนื้อสัตว์แปรรูป อาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่ไหม้เกรียม เพิ่มการบริโภคผักและผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี 
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ลดความเสี่ยงของโรคอ้วน และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม การมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้
  • การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของมะเร็งลำไส้ ควรหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณการบริโภค
  • เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ตามคำแนะนำของแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมะเร็งลำไส้ (FAQ)

มะเร็งลำไส้รักษาหายได้ไหม?

มะเร็งลำไส้สามารถรักษาให้หายได้สูงมาก หากตรวจพบและรักษาทันทีในระยะเริ่มต้น คือ ระยะที่ 1 และ 2 ส่วนในระยะที่ 3 โอกาสหายยังคงมี แต่ต้องอาศัยการรักษาที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การผ่าตัดร่วมกับเคมีบำบัด ส่วนระยะที่ 4 มะเร็งแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น ๆ โอกาสหายขาดจะลดลงไปอีก แต่การรักษายังสามารถช่วยในการควบคุมโรคและยืดอายุของผู้ป่วยได้

อาการของมะเร็งลำไส้ในระยะเริ่มต้นเป็นอย่างไร?

อาการของมะเร็งลำไส้ในระยะเริ่มต้นอาการจะไม่เยอะมาก สามารถสังเกตได้จากปัญหาท้องผูกสลับท้องเสีย อุจจาระมีขนาดเล็กลง มีมูกเลือดปน ไม่สบายท้อง และถ่ายไม่สุด แม้จะเข้าห้องน้ำหลายรอบแล้วก็ตาม

มะเร็งลำไส้เกิดจากอะไร?

มะเร็งลำไส้เกิดจากเยื่อบุเซลล์มีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ ไม่สามารถควบคุมการเจริญเติบโตได้จนกลายเป็นเนื้อร้าย ไม่มีสาเหตุการเปลี่ยนที่แน่ชัด แต่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่เพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งลำไส้ เช่น ประวัติคนในครอบครัว พฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคประจำตัว รวมถึงปัจจัยด้านอายุ

 

พบแพทย์เฉพาะทาง แผนกอายุรกรรมระบบทางเดินอาหาร ตับ และ ทางเดินน้ำดี ที่ โรงพยาบาลสินแพทย์ สาขาใกล้บ้านคุณ (คลิก link เพื่อนัดพบแพทย์เฉพาะทาง)

โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา
โรงพยาบาลสินแพทย์ ลำลูกกา
โรงพยาบาลสินแพทย์ เทพารักษ์
โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์
โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์
โรงพยาบาลสินแพทย์ เสรีรักษ์
โรงพยาบาลสินแพทย์ กาญจนบุรี

SHARE