
โรครักษาไกล ที่ใกล้ตัว ทำความรู้จักมะเร็งลำไส้ อาการแบบนี้เป็นระยะไหน ตรวจเช็กสาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง แนวทางวินิจฉัย พร้อมวิธีรักษา เพื่อช่วยยืดระยะเวลาให้ผู้ป่วย
ทำความรู้จัก มะเร็งลำไส้
มะเร็งลำไส้คืออะไร?
มะเร็งลำไส้ คือ มะเร็งที่เกิดขึ้นในลำไส้ใหญ่หรือทวารหนัก เกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติในเยื่อบุลำไส้ ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
อาการของมะเร็งลำไส้
อาการของมะเร็งลำไส้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและตำแหน่งของมะเร็ง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ๆ ดังนี้
อาการเริ่มต้น
มะเร็งลำไส้อาการเริ่มต้น มักไม่แสดงอาการใด ๆ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ระบบขับถ่ายทำงานไม่ปกติ รู้สึกอุจจาระไม่สุด รู้สึกไม่สบายท้อง แต่อาการพวกนี้เป็นเพียงชั่วคราว สามารถเป็น ๆ หาย ๆ จึงทำให้หลายคนละเลยและไม่ไปพบแพทย์ ระยะนี้
อาการที่รุนแรงขึ้น
อาการที่รุนแรงขึ้น จะเกิดหลังจากมะเร็งเริ่มลุกลามและขยายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง แต่ยังไม่ไปถึงต่อมน้ำเหลือง โดยอาการที่จับสังเกตได้ คือ ปวดท้องเป็นประจำ ปวดบีบเกร็งในช่อง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด มีเลือดติดกระดาษชำระ ท้อง รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย มีอาการซีด และน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ลดน้ำหนักหรือคุมอาหารอยู่
อาการระยะลุกลาม
อาการระยะลุกลาม ระยะที่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และรักษาได้เพียงการประคับประคองตัวโรค อาการเด่น ๆ คือ หากมะเร็งแพร่ไปยังกระดูก ก็จะรู้สึกปวดกระดูก ถ้าแพร่ไปยังบริเวณปอด ก็จะไอเรื้อรัง หายใจลำบาก แพร่ไปที่ตับ จะมีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุของมะเร็งลำไส้
ปัจจัยเสี่ยงและสาเหตุของมะเร็งลำไส้ ในส่วนของสาเหตุยังไม่มีที่มาแบบแน่ชัด แต่ปัจจัยหลัก ๆ ประกอบไปด้วย
- เลือกรับประทานเนื้อแดง เนื้อติดมันในปริมาณที่มากเกินพอดี
- รับประทานอาหารแปรรูป อาหารที่ผ่านการปรุงแต่ง เช่น เบคอน ไส้กรอก และแฮม
- ไม่รับประทานผักและผลไม้
- มีน้ำหนักเกินเกณฑ์
- ไม่ออกกำลังกาย
- สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงพันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้เช่นเดียวกัน
วิธีการวินิจฉัยมะเร็งลำไส้
การวินิจฉัยมะเร็งลำไส้มีหลายวิธี โดยแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ดังนี้
- การตรวจหาเลือดในอุจจาระ (Fecal occult blood test: FOBT) : เป็นการตรวจหาเลือดที่มองไม่เห็นในอุจจาระ หากพบเลือดอาจบ่งชี้ถึงมะเร็งหรือมีติ่งเนื้อบริเวณลำไส้
- การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) : เป็นการสอดกล้องขนาดเล็กที่มีไฟและกล้องวิดีโอเข้าไปในลำไส้ใหญ่ เพื่อตรวจดูความผิดปกติและตัดชิ้นเนื้อไปทดสอบทางพยาธิวิทยา
- การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ลำไส้ใหญ่ (CT colonography) : เป็นการใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ในการสร้างภาพสามมิติของลำไส้ใหญ่ เพื่อตรวจหาติ่งเนื้อหรือมะเร็ง
- การตรวจทางทวารหนัก (Digital rectal exam: DRE) : แพทย์จะใช้นิ้วสอดเข้าไปในทวารหนัก เพื่อตรวจหาก้อนเนื้อหรือความผิดปกติอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นกับลำไส้
- การตรวจเลือด : เพื่อตรวจหาค่ามะเร็ง (tumor markers) เช่น CEA (carcinoembryonic antigen) ซึ่งค่านี้จะสูงขึ้นในกลุ่มคนที่เป็นมะเร็งลำไส้
- การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy) : หากพบความผิดปกติจากการส่องกล้องหรือการตรวจอื่น ๆ แพทย์จะตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อยืนยันว่าเป็นมะเร็งหรือไม่
วิธีการรักษามะเร็งลำไส้
วิธีการรักษามะเร็งลำไส้ขึ้นอยู่กับระยะของโรค ตำแหน่งของมะเร็ง และสุขภาพองค์รวมของผู้ป่วย มีวิธีการรักษาหลัก ๆ ดังนี้
- การผ่าตัด (Surgery) : เป็นการรักษาหลักสำหรับมะเร็งลำไส้ในระยะเริ่มต้น โดยแพทย์จะผ่าตัดนำส่วนของลำไส้ที่เป็นมะเร็งและต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงออก
- เคมีบำบัด (Chemotherapy) : เป็นการทำลายเซลล์มะเร็งด้วยการใช้ยาเคมี หลังการผ่าตัดเพื่อลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำ หรือใช้ในกรณีที่มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ
- รังสีรักษา (Radiation therapy) : เป็นการใช้รังสีพลังงานสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง มักใช้ร่วมกับการผ่าตัดหรือเคมีบำบัด หรือใช้ในกรณีที่มะเร็งอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถผ่าตัดได้
- การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted therapy) : เป็นการใช้ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง โดยไม่ทำลายเซลล์ปกติ มักใช้ในกรณีที่มะเร็งแพร่กระจาย
- ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) : เป็นการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง มักใช้ในกรณีที่มะเร็งแพร่กระจายและไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ
การป้องกันมะเร็งลำไส้
การป้องกันมะเร็งลำไส้สามารถทำได้หลายวิธี โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
- ลดการบริโภคเนื้อแดงและเนื้อสัตว์แปรรูป อาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่ไหม้เกรียม เพิ่มการบริโภคผักและผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี
- ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ลดความเสี่ยงของโรคอ้วน และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม การมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้
- การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของมะเร็งลำไส้ ควรหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณการบริโภค
- เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ตามคำแนะนำของแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมะเร็งลำไส้ (FAQ)
มะเร็งลำไส้รักษาหายได้ไหม?
มะเร็งลำไส้สามารถรักษาให้หายได้สูงมาก หากตรวจพบและรักษาทันทีในระยะเริ่มต้น คือ ระยะที่ 1 และ 2 ส่วนในระยะที่ 3 โอกาสหายยังคงมี แต่ต้องอาศัยการรักษาที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การผ่าตัดร่วมกับเคมีบำบัด ส่วนระยะที่ 4 มะเร็งแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น ๆ โอกาสหายขาดจะลดลงไปอีก แต่การรักษายังสามารถช่วยในการควบคุมโรคและยืดอายุของผู้ป่วยได้
อาการของมะเร็งลำไส้ในระยะเริ่มต้นเป็นอย่างไร?
อาการของมะเร็งลำไส้ในระยะเริ่มต้นอาการจะไม่เยอะมาก สามารถสังเกตได้จากปัญหาท้องผูกสลับท้องเสีย อุจจาระมีขนาดเล็กลง มีมูกเลือดปน ไม่สบายท้อง และถ่ายไม่สุด แม้จะเข้าห้องน้ำหลายรอบแล้วก็ตาม
มะเร็งลำไส้เกิดจากอะไร?
มะเร็งลำไส้เกิดจากเยื่อบุเซลล์มีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ ไม่สามารถควบคุมการเจริญเติบโตได้จนกลายเป็นเนื้อร้าย ไม่มีสาเหตุการเปลี่ยนที่แน่ชัด แต่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่เพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งลำไส้ เช่น ประวัติคนในครอบครัว พฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคประจำตัว รวมถึงปัจจัยด้านอายุ
พบแพทย์เฉพาะทาง แผนกอายุรกรรมระบบทางเดินอาหาร ตับ และ ทางเดินน้ำดี ที่ โรงพยาบาลสินแพทย์ สาขาใกล้บ้านคุณ (คลิก link เพื่อนัดพบแพทย์เฉพาะทาง)
โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา
โรงพยาบาลสินแพทย์ ลำลูกกา
โรงพยาบาลสินแพทย์ เทพารักษ์
โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์
โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์
โรงพยาบาลสินแพทย์ เสรีรักษ์
โรงพยาบาลสินแพทย์ กาญจนบุรี