รู้ทันปัญหาภาวะรกเกาะต่ำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อคุณแม่ตั้งท้องและทารกในครรภ์ มารู้ถึงสาเหตุของอาการ พร้อมแนวทางการรักษากันได้ในบทความนี้
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ย่อมมีหลายเรื่องที่ต้องคอยเฝ้าระวัง ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพร่างกายของตนเอง รวมถึงพัฒนาการของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของการตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ซึ่งมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย และหนึ่งในภาวะอันตรายที่คุณแม่ควรทำความเข้าใจ และคอยสังเกตอาการไว้ก็คือ “ภาวะรกเกาะต่ำ”
ในบทความนี้ จะพาทุกคนไปรู้กันกับภาวะรกเกาะต่ำมีอาการและสาเหตุมาจากอะไร และหากตรวจพบว่าเกิดภาวะนี้ ต้องดูแลตนเองอย่างไรบ้าง ติดตามกันได้เลย
รู้จักภาวะรกเกาะต่ำ
“รก” เป็นส่วนที่เชื่อมต่อกับสายสะดือ มีหน้าที่ในการนำสารอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ และยังช่วยกำจัดของเสียออกจากเลือดของทารก ซึ่งปกติแล้วรกจะต้องอยู่บริเวณส่วนบนของมดลูกและห่างจากปากมดลูก
ภาวะรกเกาะต่ำ (Placenta Previa) คือการที่รกเกาะต่ำลงมาบริเวณส่วนล่างของมดลูก จนปิดขวางปากมดลูก ซึ่งเป็นช่องทางในการคลอดทารกเอาไว้ จึงเสี่ยงต่อการมีเลือดออกช่องคลอด และเป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ได้
ภาวะรกเกาะต่ำมีสาเหตุมาจากอะไร ?
ภาวะรกเกาะต่ำมีสาเหตุมาจากตัวอ่อนที่ได้รับการปฏิสนธิแล้ว ฝังตัวอยู่ที่บริเวณมดลูกส่วนล่าง ซึ่งเมื่อทารกเจริญเติบโตขึ้น หรือคุณแม่มีอายุครรภ์เพิ่มมากขึ้น รกจะขยายตัวและปิดขวางบริเวณปากมดลูก อีกทั้งยังอาจเกิดได้จากความผิดปกติของรก คือรกใหญ่กว่าหรือบางกว่าปกติ ซึ่งมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
- ผนังมดลูกเกิดแผลจากการผ่าคลอด หรือจากการขูดมดลูก เนื่องจากเกิดภาวะแท้ง การไหลเวียนของเลือดไปหล่อเลี้ยงผนังมดลูกไม่ดี เนื่องจากมีเนื้องอกในมดลูก หรือเป็นเบาหวาน
- ทารกในครรภ์อยู่ในตำแหน่งผิดปกติ เช่น อยู่ในท่าก้นลง หรือท่าขวาง
- ตั้งครรภ์แฝด หรือตั้งครรภ์ที่ 2 เป็นต้นไป
- มดลูกผิดรูปร่าง มีขนาดใหญ่ผิดปกติ
- คุณแม่ที่ตั้งครรภ์มีอายุตั้งแต่ 35 ปี
- ผลข้างเคียงจากการสูบบุหรี่ หรือใช้สารเสพติด
ภาวะรกเกาะต่ำมีอาการอย่างไร ?
ภาวะรกเกาะต่ำ อาการส่วนมากมักแสดงออกมาในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากสิ่งผิดปกติเหล่านี้
- มีเลือดไหลออกมาจากทางช่องคลอด ในปริมาณเล็กน้อยไปจนถึงมาก โดยเลือดจะหยุดไหลช่วงหนึ่ง แล้วกลับมาไหลอีกครั้ง หลังจากผ่านไป 2-3 วัน หรือสัปดาห์
- มักมีอาการปวดเล็กน้อย รู้สึกเจ็บแปลบ หรือมีการบีบตัวของมดลูกร่วมด้วย หรือบางรายอาจไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ เลย
ภาวะรกเกาะต่ำกับอันตรายต่อคุณแม่ตั้งครรภ์
- เสี่ยงต่อการตกเลือดรุนแรง นำไปสู่ภาวะช็อกจากการเสียเลือดได้
- เสี่ยงต่อการเกิดถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด และส่งผลให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดได้
- เกิดภาวะติดเชื้อหลังคลอดได้ง่าย เนื่องจากมีเส้นเลือดที่แตกออกในบริเวณใกล้ปากมดลูก
ภาวะรกเกาะต่ำกับอันตรายต่อทารกในครรภ์
- เพิ่มความเสี่ยงที่ทารกจะเสียชีวิต เนื่องจากการคลอดก่อนกำหนด
- ส่งผลให้ทารกมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ตามอายุครรภ์ และยังเจริญเติบโตช้า
- เสี่ยงต่อความพิการแต่กำเนิด เช่น โรคประสาทส่วนกลาง โรคหัวใจแต่กำเนิด โรคที่เกี่ยวกับระบบหายใจ และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น
การดูแลแม่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะรกเกาะต่ำ
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะรกเกาะต่ำ และมีเลือดออกเพียงเล็กน้อย คุณแม่ยังมีโอกาสคลอดลูกทางช่องคลอดได้ตามปกติ แต่ต้องดูแลตนเองเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันการมีเลือดออกทางช่องคลอดรุนแรง ดังนี้
- พยายามนอนนิ่ง ๆ พักอยู่บนเตียงที่บ้าน และเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด ลุกขึ้นนั่งในเวลาที่จำเป็นเท่านั้น
- ไม่ทำงานหนัก ยกของหนัก หรือออกกำลังกายหนัก หลีกเลี่ยงการขยับเขยื้อน เคลื่อนไหวร่างกายมากจนเกินไป
- ห้ามมีเพศสัมพันธ์โดยเด็ดขาด
ในกรณีที่มีเลือดออกทางช่องคลอดมาก ควรนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล และรับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิดมากที่สุด
แนวทางการรักษา
- รักษาแบบประคองอาการ ด้วยการให้ยาป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
- เตรียมความพร้อม เผื่อกรณีผ่าคลอดหากจำเป็น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของคุณแม่และทารกเป็นสำคัญ
ฝากครรภ์ ลดความเสี่ยงการเกิดภาวะรกเกาะต่ำ
คุณแม่สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะรกเกาะต่ำได้ ด้วยการฝากครรภ์กับแพทย์ให้เร็วที่สุด โดยแพทย์จะทำการตรวจอัลตราซาวนด์เพื่อดูสุขภาพของทารกและตำแหน่งของรก รวมถึงน้ำคร่ำ พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลครรภ์ อีกทั้งคุณแม่ยังควรสังเกตอาการต่าง ๆ ของตนเองอย่างใกล้ชิด ถ้ามีเลือดออกจากช่องคลอดให้มาพบแพทย์ทันที
สำหรับคุณแม่ที่สังเกตเห็นความผิดปกติขณะตั้งครรภ์ ควรรีบไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วน เพื่อลดความเสี่ยงต่อแม่และเด็กในครรภ์ สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เฉพาะทางสูตินรีเวชได้ที่ คลินิกหมอสูตินารีกาญจนบุรี โรงพยาบาลสินแพทย์ กาญจนบุรี
นัดหมายออนไลน์หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 034-912-888