เพราะแอบมองใครจึงทำให้เป็น “ตากุ้งยิง” ความเชื่อนี้จริงหรือเท็จกันแน่?

15 ม.ค. 2568 | เขียนโดย โรงพยาบาลสินแพทย์ ลำลูกกา

เพราะแอบมองใครจึงทำให้เป็น “ตากุ้งยิง” ความเชื่อนี้จริงหรือเท็จกันแน่?

ในยุคสมัยที่การเข้าถึงสื่อและแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ยังไม่มีความก้าวหน้าเหมือนอย่างทุกวันนี้ ทำให้ข้อมูลถูกส่งต่อผ่านตัวหนังสือ และการบอกเล่าที่ถูกแต่งเติมเรื่องราวด้วยความเชื่อของคนไทย ซึ่งหนึ่งในความเชื่อนั้นคงหนีไม่พ้น “โรคตากุ้งยิง” ที่เล่าต่อกันมาว่าสาเหตุของโรคนี้เกิดจากการแอบถ้ำมอง ตลอดจนบอกว่าห้ามจ้องตาคนเป็นโรคนี้ เนื่องจากจะทำให้เกิดการติดเชื้อต่อกันได้ 

แต่ในความเป็นจริงแล้ว โรคนี้จะเป็นอย่างไร สินแพทย์ ลำลูกกา จะพาทุกคนไปเจาะลึกประเด็นที่เกี่ยวข้อง พร้อมวิธีการรักษาอย่างถูกวิธี

 

เจาะลึกเกี่ยวกับ ตากุ้งยิง

ประเด็นที่เกี่ยวกับโรคตากุ้งยิง  หรืออาการตาอักเสบ มี 2 ประเด็นหลัก ๆ ดังนี้

 

เกิดจากอะไร

อาการตากุ้งยิงเกิดจาก การติดเชื้อของแบคทีเรียสแตปไฟโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) รวมทั้งสิ่งสกปรก และฝุ่นละออง โดยจะยิ่งเกิดได้ง่ายมากขึ้นสำหรับคนที่เคยมีประวัติการอักเสบ ตลอดจนต่อมไขมันอุดตันที่บริเวณรอบดวงตา ซึ่งอาการตาติดเชื้อ และอักเสบชนิดนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ เมื่อมองหรือจ้องตาผู้ที่มีอาการย่อมไม่มีผลกระทบ ที่ทำให้เกิดตากุ้งยิงตามมา

 

มีอาการอย่างไร

อาการหลังการติดเชื้อ เริ่มแรกจะรู้สึกระคายเคือง คัน รู้สึกเจ็บได้หากกดลงไปที่บริเวณเปลือกตา ระยะต่อมาจะมีอาการปวด บวมแดง เมื่อระยะเวลาผ่านไป 4-5 วัน โดยประมาณจะทำให้เกิดการอักเสบและกลายเป็นหนองหรือฝีคล้ายหัวสิว ได้ทั้งที่บริเวณเปลือกตาด้านในและด้านนอก หากหนองไม่ถูกระบายออกจนหมดอาจเพิ่มความเสี่ยงให้สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกครั้ง

 

ตากุ้งยิง มีกี่ชนิด

อาการตาติดเชื้อ โดยทั่วไป สามารถแบ่งได้เป็น 2 ขนิด ประกอบด้วย

 

ตากุ้งยิงชนิดหัวผุด

ตากุ้งยิงชนิดหัวผุดหรือภายนอก คือ อาการติดเชื้อที่บริเวณเปลือกตาด้านนอก ทำให้เกิดตุ่มหนองหรือฝี รวมทั้งการบวมแดงที่มีขนาดใหญ่จนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน

 

ตากุ้งยิงชนิดหัวหลบใน

ตากุ้งยิงชนิดหัวหลบในหรือภายใน คือ อาการติดเชื้อที่บริเวณด้านในของเปลือกตา มีลักษณะเป็นหนองหรือฝี และการเกิดการบวมแดง โดยส่วนใหญ่จะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บที่บริเวณเปลือกตาด้านนอก และมองเห็นได้ยากกว่าแบบแรก

 

อาการกุ้งยิง

วิธีรักษาตากุ้งยิง

สามารถแบ่งวิธีการรักษาได้ดังนี้

  •  ในกรณีที่อาการไม่รุนแรง วิธีรักษาตากุ้งยิง เร่งด่วน ที่ดีที่สุด สามารถใช้น้ำอุ่นประคบบริเวณเปลือกตา 3-4 ครั้งต่อวัน โดยใช้เวลาครั้งละ 10-15 นาที ทานพาราเซตามอลเพื่อลดอาการปวดร่วมกับหยอดยาปฏิชีวนะ และอาจทานยาปฏิชีวนะร่วมด้วยในกรณีมีการอับเสบ บวมและแดงมากพร้อมหลีกเลี่ยงการขยี้ตา รวมทั้งปกป้องดวงตาจากสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และมลภาวะ
  • ในกรณีที่ทำการรักษาด้วยตัวเองข้างต้นแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรรีบเข้าพบจักษุแพทย์เพื่อการรักษาอย่างถูกต้องในขั้นต่อไป โดยแพทย์จะทำการพิจารณาวิธีการรักษาตามความเหมาะสมของอาการ ทั้งการเจาะระบายหนอง ร่วมกับให้ยาปฏิชีวิะหรือยาที่ใช้ภายนอก เพื่อความปลอดภัยและป้องกันความเสี่ยงของการเกิดโรคซ้ำ

 

รักษาตากุ้งยิง

เมื่อไหร่ที่ต้องพบแพทย์

เมื่อไหร่ที่ต้องพบแพทย์ ในความเป็นจริงแล้วหากเกิดการติดเชื้อ ร่วมกับอาการปวด บวม และอักเสบที่บริเวณดวงตาควรรีบเข้าพบจักษุแพทย์ในทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่นำไปสู่การติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่หนองระบายออกไม่หมด อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคซ้ำขึ้น และต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่การอักเสบจะลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ ได้

 

เมื่อได้รับวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ควรปฏิบัติตัวอย่างไร

เมื่อได้รับวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของจักษุแพทย์เพื่อความปลอดภัยต่อดวงตา และเพื่อการรักษาสุขภาพดวงตาให้ดีมากยิ่งขึ้น

 

สิ่งที่ควรปฏิบัติ

สิ่งที่ควรปฏิบัติหลังได้รับการวินิจฉัย มีดังนี้

  • การเข้าสู่กระบวนการรักษาตามการวินิจฉัยของแพทย์ เช่น การใช้ยาทาภายนอก การใช้ยาปฏิชีวนะ การเจาะระบายหนอง
  • รักษาความสะอาดบริเวณดวงตา และปกป้องดวงตาจากสิ่งสกปรก ฝุ่นและมลภาวะ

 

สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ

สิ่งที่ควรปฏิบัติหลังได้รับการวินิจฉัย มีดังนี้

  • การสัมผัสที่บริเวณดวงตา โดยไม่ล้างมือให้สะอาด
  • การขยี้ดวงตาเมื่อเกิดอาการระคายเคือง
  • การใช้เครื่องสำอางขณะดวงตามีอาการติดเชื้อ
  • การสวมใส่คอนแทคเลนส์ ที่อาจทำให้อาการอักเสบเพิ่มมากขึ้น

 

สรุป

อาการตาติดเชื้อไม่ได้เกิดจากแอบมองใคร แต่เกิดจากการที่มีแบคทีเรีย และสิ่งสกปรกอุดตันที่บริเวณเปลือกตา โรคนี้ไม่ใช่โรคที่สามารถติดต่อกันได้ และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ทุกคนคิด หากสงสัยว่าเป็นตากุ้งยิง ทำไงให้หาย ขอแนะนำว่าควรทำรีบทำการรักษาตั้งแต่การติดเชื้อยังไม่รุนแรง พร้อมทั้งปฏิบัติตนตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด เพียงเท่านี้ทุกคนก็จะมีสุขภาพดวงตาที่สดใส และปลอดจากโรคภัยนี้ได้

 

 

SHARE