โรคที่คนเป็นมากที่สุด คือ โรคเชื้อรา เกิดจากการติดเชื้อผิวหนัง เช่น กลาก เกลื้อน อาการคัน แดง มีขุย รักษาด้วยยาต้าน ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับคำแนะในนำการรักษา
โรคเชื้อรา คืออะไร เกิดมาจากอะไร มีกี่ประเภท พร้อมวิธีรักษา
ปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยและสร้างความรำคาญใจให้กับหลาย ๆ คน นั่นก็คือ โรคเชื้อรา ซึ่งโรคนี้นั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่ผิวหนังเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับบริเวณต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น เชื้อราที่เล็บมือ ที่เล็บเท้า หนังศีรษะ รวมถึงในร่มผ้า
การเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และวิธีการรักษาโรคนี้ จะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพผิวหนังและเล็บได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มาทำความรู้จักกับโรคดังกล่าวให้มากขึ้นไปพร้อมกัน ตั้งแต่การอธิบายว่าคืออะไร เกิดจากสาเหตุใดบ้าง มีกี่ประเภท และจะรักษาอย่างไร รวมถึงการป้องกันไม่ให้เกิดโรคซ้ำอีก เพื่อให้ทุกท่านสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างครอบคลุม
โรคเชื้อรา คืออะไร
โรคเชื้อรา คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อของเชื้อราชนิดต่าง ๆ บนผิวหนัง เล็บ หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เชื้อราเหล่านี้มักจะอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา เช่น ดิน น้ำ อากาศ และสามารถแพร่กระจายไปยังคนอื่นได้ง่าย โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่ร้อนชื้น
ประเภท เชื้อราผิวหนัง
ประเภท เชื้อราผิวหนัง ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การติดเชื้อราในลักษณะต่าง ๆ เป็นแบบไหนได้บ้าง เพื่อที่จะสามารถคัดกรองโรคและอาการได้ด้วยตัวเองเบื้องต้นก่อนจะมาพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาในลำดับถัดไป
กลาก
กลาก มีลักษณะเป็นวงแหวนสีแดง ขอบชัดเจน ขอบนอกจะแดงและคันมากกว่าขอบใน มักพบตามลำตัว แขนขา ใบหน้า และหนังศีรษะ
เกลื้อน
เกลื้อน มักเกิดตามรอยพับของผิวหนัง เช่น ขาหนีบ รักแร้ มีลักษณะเป็นผื่นแดงชื้น คัน และมีกลิ่น
เชื้อราที่หนังศีรษะ
เชื้อราที่หนังศีรษะ มักทำให้เกิดรังแคมากผิดปกติ ผมร่วง และคันหนังศีรษะ อาจมีผื่นแดงและขุยปรากฏ
เชื้อราในช่องปาก
เชื้อราในช่องปาก มักเกิดจากเชื้อ Candida ทำให้เกิดผื่นขาว ๆ ที่ลิ้น กระพุ้งแก้ม หรือเพดานปาก อาจมีอาการแสบร้อนและปวด
เชื้อราในช่องคลอด
เชื้อราในช่องคลอด มักทำให้มีตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น คัน และแสบ
นอกจากนี้ยังมีการเชื้อราที่เล็บและเท้า ถ้าติดที่เล็บ เล็บจะหนาตัว เปลี่ยนสี มีขุยใต้เล็บ และอาจหลุดลอกได้ ถ้าหากติดที่บริเวณเท้า มักเกิดขึ้นระหว่างนิ้วเท้า หรือที่ฝ่าเท้า ทำให้ผิวหนังลอก คัน มีกลิ่น และอาจมีรอยแตกบริเวณผิวหนัง
สาเหตุของการติดเชื้อราที่ผิวหนัง
สาเหตุของการติดเชื้อราที่ผิวหนัง มีดังนี้
- สภาพแวดล้อม : อากาศร้อนชื้น ความชื้นสูง ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี
- การสัมผัส : การสัมผัสกับผิวหนังของผู้ที่เป็นโรค หรือสัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อรา
- ภูมิคุ้มกันบกพร่อง : ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยเอชไอวี มีโอกาสติดเชื้อราได้ง่ายกว่า
- การใช้ยาบางชนิด : ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ หรือยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ อาจทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อรา
วิธีการรักษาโรคเชื้อรา หรือ โรคผิวหนังอักเสบจากเชื้อรา
การรักษาโรคเชื้อรา หรือโรคผิวหนังอักเสบจากเชื้อรา จะเป็นไปตามชนิดของเชื้อรา บริเวณที่ติดเชื้อ และความรุนแรงของอาการ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการวินิจฉัยและสั่งจ่ายยาที่เหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็นรูปแบบดังนี้
- ยาทาภายนอก (Cream, Lotion, Gel)
เป็นวิธีการรักษาเบื้องต้นที่นิยมใช้สำหรับการติดเชื้อราที่ผิวหนัง ยาทาเหล่านี้มีส่วนผสมที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้โดยตรง ข้อดีของยาทาคือสะดวกในการใช้และมีผลข้างเคียงน้อย อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้เวลารักษานานกว่าการรับประทานยา
- ยารับประทาน
สำหรับกรณีที่การติดเชื้อรามีความรุนแรง หรือเป็นการติดเชื้อราที่เล็บ แพทย์อาจพิจารณาให้ยารับประทานเพื่อให้ได้ผลในการรักษาที่รวดเร็วขึ้น ยารับประทานสามารถเข้าไปทำลายเชื้อราได้ทั่วร่างกาย แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงบางประการ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ผู้ป่วยจึงควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนการใช้ยา และใช้ยาอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำแพทย์ ไม่ควรใช้ยาเองเพราะอาจไม่ตรงกับโรค ทำให้การรักษาไม่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพเพียงพอได้
- ยาชนิดอื่น ๆ
นอกจากยาทาและยารับประทานแล้ว แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาชนิดอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น แชมพูต้านเชื้อราสำหรับรักษาเชื้อราที่หนังศีรษะ หรือยาเหน็บช่องคลอดสำหรับรักษาเชื้อราในช่องคลอด
สรุป
สรุปแล้วโรคนี้ คือ โรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อของเชื้อราชนิดต่าง ๆ บริเวณผิวหนัง เล็บ หรือส่วนอื่น ๆ หรือพูดง่าย ๆ คือ เชื้อราในร่มผ้า ซึ่งมักพบในสภาพแวดล้อมที่อับชื้นและอบอุ่น ดังนั้นการรักษาความสะอาดของร่างกายและสิ่งของใช้ส่วนตัว การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแหล่งเชื้อรา และการรักษาสภาพแวดล้อมให้แห้งสะอาด สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคเชื้อราได้