ตอบข้อสงสัยเรื่อง วัคซีนโควิด-19

18 พ.ค. 2564 | เขียนโดย พญ.ร่มเย็น ศักดิ์ทองจีน ศูนย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา

ตอบข้อสงสัยเรื่อง วัคซีนโควิด-19 โดย แพทย์หญิงร่มเย็น ศักดิ์ทองจีน แพทย์ชำนาญการด้านโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลสินแพทย์ ปัจจุบันวัคซีนโควิด-19 มีกี่ชนิดปัจจุบันวัคซีนโควิดที่ใช้กันทั่วโลกนะคะ มีอยู่ 4 ชนิดค่ะ ชนิดแรกคือ วัคซีนชนิดสารพันธุกรรม mRNA อันนี้เป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่พึ่งมีใช้กันสำหรับโรคโควิดนะคะ วัคซีนที่เรารู้จักกันมีอยู่ 2 ยี่ห้อ คือ ไฟเซอร์ และ โมเดอนาค่ะ



ตอบข้อสงสัยเรื่อง วัคซีนโควิด-19  โดย แพทย์หญิงร่มเย็น ศักดิ์ทองจีน แพทย์ชำนาญการด้านโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลสินแพทย์

สวัสดีค่ะ หมอร่มเย็นนะคะ  เป็นแพทย์โรคติดเชื้อประจำโรงพยาบาลสินแพทย์ค่ะ

 

ปัจจุบันวัคซีนโควิด-19 มีกี่ชนิด

ปัจจุบันวัคซีนโควิดที่ใช้กันทั่วโลกนะคะ  มีอยู่ 4 ชนิดค่ะ

ชนิดแรกคือ วัคซีนชนิดสารพันธุกรรม mRNA อันนี้เป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่พึ่งมีใช้กันสำหรับโรคโควิดนะคะ วัคซีนที่เรารู้จักกันมีอยู่ 2 ยี่ห้อ คือ ไฟเซอร์ และ โมเดอนาค่ะ

ส่วนวัคซีนชนิดที่ 2 คือ วัคซีนที่นำสารพันธุกรรมของไวรัส ตัดต่อเข้ากับเชื้อไวรัส เรียกว่าอะดิโนไวรัส เพื่อที่จะพาสารพันธุกรรมนี้เข้าสู่เซลล์ อันนี้ก็เป็นเทคโนโลยีใหม่เช่นเดียวกัน วัคซีนที่เรารู้จักกัน เช่น ของบริษัทแอสตร้าเซเนก้า ของบริษัท จอนสันแอนด์จอนสัน และของสปุกนิกส์ ของประเทศรัชเซีย เป็นต้นนะคะ อย่างที่สาม

ชนิดที่สาม คือ วัคซีนชนิดที่ทำจาก โปรตีนของเชื้อไวรัส หรือเรียกว่าโปรตีนซับยูนิตวัคซีน อย่างเช่น วัคซีนของ บริษัท โนวาแวค เป็นต้นค่ะ

ชนิดที่สี่ คือ วัคซีนที่ทำจากเชื้อตาย หรือภาษาอังกฤษเราเรียกว่า Inactivated Vaccine อันนี้อย่างเช่น ยี่ห้อ ของบริษัท ซิโนแวคค่ะ

 

วัคซีนโควิด-19 แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร

วัคซีนแต่ละชนิดนะคะ มีจุดประสงค์หลักเหมือนๆกัน ก็คือกระตุ้นให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ วัคซีนจะทำหน้าที่เสมือน เป็นเทรนเนอร์ เป็นคู่ซ้อม ทำให้ร่างกายรู้จัก กับส่วนใดส่วนหนึ่งของเชื้อไวรัสเพื่อเตรียมพร้อม หากเจอสถานการณ์จริง จะสามารถต่อสู้ได้อย่างทันท่วงทีนะคะแต่ว่าความแตกต่างของวัคซีนแต่ละชนิดก็คือ เทคนิคและกลไก ที่ใช้การกระตุ้นร่างกายนั้นหน่ะ ต่างกัน ชนิดที่หนึ่งนะคะ

    • วัคซีน mRNA เป็นเทคนิคใหม่ที่เรียนแบบสารพันธุกรรม ส่วนเฉพาะของไวรัส เมื่อฉีดเข้าร่างกาย mRNA จะเข้าสู่เซลล์ กระตุ้นให้ร่างกาย สร้างโปรตีนที่คล้ายคลึงกับส่วนหนามของไวรัส ซึ่งส่วนหนามของไวรัสส่วนนี้จะใช้ ไวรัสจะใช้จับเข้ากับเซลล์ทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อเราฉีดวัคซีนเข้าไป mRNA ไปกระตุ้น ให้ร่างกายสร้างโปรตีนส่วนหนาม ทำให้เรารู้จักกับเชื้อไวรัสก่อน เมื่อเจอสถานการณ์จริงร่างกายจะสามารถ สร้างภูมิคุ้มกันออกมาเพื่อรับมือกับไวรัส ได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อจำกัดของวัคซีนชนิดนี้ คือ สารพันธุกรรม mRNA นี้ เป็นสารพันธุกรรมที่เปราะบางมาก การผลิตจะต้องสร้าง ใช้นาโนเทคโนโลยีขึ้นมา เพื่อให้มันคงตัวอยู่ได้ และจะต้องเก็บรักษา ที่อุณหภูมิต่ำมาก คือ -20 – 70 องศาค่ะ ชนิดที่สองนะคะ วัคซีน
    • ไวรัลเว็กเตอร์   วัคซีนนี้ใช้เทคโนโลยีสร้างสารพันธุกรรม DNA แล้วนำไปตัดต่อเข้ากับเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่ใช้กันส่วนใหญ่ก็คือใช้ อะดิโนไวรัสนะคะ เราจะนำ DNA นี้ตัดต่อเข้าไปกับตัวไวรัส แล้วก็ทำเป็นวัคซีน ฉีดเข้าไปในร่างกายของเรา เพื่อที่กระตุ้นให้ร่างกายเปลี่ยนจาก DNA เป็น RNA ชั้นที่หนึ่ง หลังจากนั้นเปลี่ยนจาก RNA เป็นโปรตีน ที่ตรงกับชนิดหนามของไวรัส และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อหนามของเชื้อไวรัสอีกทีหนึ่ง กลไกนี้คล้ายกับ วัคซีน mRNA ที่กล่าวไปเมื่อสักครู่นะคะ แต่ว่าการใช้ DNA ตัดต่อกับไวรัสโดย แล้วนำเข้าไปฉีดให้ร่างกาย จะเลียนแบบการติดเชื้อโดยตรงโดยธรรมชาติ สารพันธุกรรมนี้สามารถคงตัวอยู่ได้ดีกว่าในอุณหภูมิตู้เย็นธรรมดา

 

  • ชนิดที่สาม เป็นวัคซีนที่เป็นส่วนประกอบของโปรตีนของไวรัส หรือที่เรียกกว่า Subunit Vaccine วัคซีนชนิดนี้ใช้เทคโนโลยีในการเพาะเลี้ยงเชื้อไวรัส แล้วก็สกัดเอาส่วนโปรตีน ที่เป็นส่วนหนามมาทำเป็นวัคซีน แล้วก็ฉีดให้ร่างกายเรา ให้ร่างกายเรารู้จักกับหนามของไวรัสโดยตรง เทคโนโลยีนี้ เป็นเทคโนโลยีที่ ใช้กันมานานและก็เป็นเทคโนโลยีที่ ปัจจุบันก็มีการใช้เทคโนโลยีนี้ สำหรับวัคซีนชนิดต่างๆ อย่างเช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือ ไวรัสตับอักเสบ บี เป็นต้นค่ะ ตัวที่มีใช้ในตอนนี้ทั่วโลกก็คือ วัคซีนของบริษัท โนวาแวค

 

  • ชนิดที่สี่ นะคะ คือ วัคซีนเชื้อตาย หรือเรียกว่า Inactivated Vaccine นะคะ วัคซีนชนิดนี้ใช้เทคโนโลยีในการเพาะเลี้ยงเชื้อไวรัส แล้วก็มาทำให้เชื้อไวรัสนั้นหยุดการเจริญเติบโต หรือว่า เรียกว่าทำให้ตาย นั่นเอง แล้วก็นำเอาเชื้อไวรัสที่ตายแล้ว มาทำเป็นวัคซีนแล้วก็ฉีดเข้าสู่ร่างกายเรา ทำให้เรารู้จักกับเชื้อไวรัสทั้งตัว กระตุ้นร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อเชื้อไวรัสชนิดนั้นๆ ค่ะ เทคโนโลยีนี้เป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันมาเนิ่นนานนะคะ เช่น ในการทำวัคซีนไวรัสตับอักเสบ เอ หรือว่าโปลิโอวัคซีน เป็นต้นค่ะ รวมถึงปัจจุบันก็ใช้เทคโนโลยีนี้มาทำ วัคซีนโควิด-19 อย่างเช่น วัคซีนของ บริษัท ซิโนแวค เป็นต้นค่ะ

 

 

ประสิทธิภาพของ วัคซีนโควิด -19 แต่ละชนิด

สำหรับประสิทธิภาพของวัคซีนแต่ละชนิดนะคะ ปัจจุบัน ยังไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบ วัคซีนแต่ละชนิดแบบตัวต่อตัว หรือแบบ เทียบกันในสถานการณ์เดียวกัน ในกลุ่มประชากรเดียวกัน จึงไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่า วัคซีนตัวไหนดีกว่า หรือ ด้อยกว่ากันอย่างชัดเจนนะคะ ประสิทธิภาพตัวเลขประสิทธิภาพที่เราเห็นกันอยู่ หรือว่าได้ยินกันทั่วไป อย่างเช่นประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวคที่สามารถป้องกันโรคได้ประมาณ  50 – 70 %  หรือว่าประสิทธิภาพของวัคซีน ของบริษัทแอสตร้าเซเนก้าที่สามารถป้องกันได้  70-80 %  ตัวเลขต่างๆ เหล่านี้มาจากการทดลองเฉพาะวัคซีนนั้นๆ ในกลุ่มประชากรควบคุมโดยเทียบกับกลุ่มที่ฉีดวัคซีนกับกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ของวัคซีนชนิดนั้นๆอย่างเดียว เพราะฉนั้นจึงไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่า วัคซีนซิโนแวค หรือว่า วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ที่มีตัวเลขไม่เท่ากันนั้น ตัวไหนดีกว่ากัน หรือว่า ด้อยกว่ากันอย่างชัดเจนจนกว่าจะมีการทำการศึกษาที่เปรียบเทียบวัคซีน 2 ชนิด ในสถานการณ์เดียวกัน ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน แล้วก็ในกลุ่มประชากรเดียวกันค่ะ

 

หมอลองบอกเป็นตัวเลขประสิทธิภาพ วัคซีนโควิด-19

หมอขอยกตัวอย่างประสิทธิภาพของวัคซีนที่เราคาดว่าจะมีใช้ในประเทศเรานะคะ คือ อย่างเช่น วัคซีนของบริษัท ซิโนแวค ตอนนี้มีประสิทธิภาพในกลุ่มทดลองที่เขากำหนดประมาณ 50-70%  แล้วก็ป้องกันอัตราการป่วย รุนแรง แล้วก็อัตราการเสียชีวิต ได้ประมาณ  80-85%  ส่วนวัคซีนของบริษัท แอสตร้าเซเนก้า ป้องกันการเกิดโรคประมาณ 70-80% แล้วก็ในกลุ่มประชากรควบคุม สามารถลดอัตราการป่วยรุนแรง และอัตราการเสียชีวิต ได้ 100%  ส่วนวัคซีนของบริษัท ไฟเซอร์ หรือ โมเดอนา เป็นวัคซีน mRNA ที่ใช้กันใน สหรัฐอเมริกา แล้วก็ในหลายประเทศทั่วโลกตอนนี้ประสิทธิภาพในกลุ่มทดลองของเขา คืออยู่ประมาณ 95% แล้วก็ลดอัตราการป่วยรุนแรง ลดอัตราการตาย ได้ประมาณ 100%  ซึ่งตัวเลขต่างๆ เหล่านี้เป็นตัวเลขในกลุ่ม ประชากรควบคุม ในสถานการณ์จริงที่มีอัตราการระบาดสูง อาจจะมีตัวเลขน้อยกว่านี้สักนิดหน่อย แต่ว่าก็จะใกล้กับประสิทธิภาพวัคซีนอยู่

 

ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว ยังมีโอกาสติดเชื้อหรือไม่

หลังจากฉีดวัคซีนแล้วมีโอกาสติดเชื้อหรือไม่นะคะ คือเมื่อเราฉีดวัคซีนแล้ว ยังสามารถติดเชื้อได้ค่ะ เพราะว่า วัคซีนที่เข้าไปในร่างกายของแต่ละคนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ขึ้นมาได้ไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น บางคนมีเทรนเนอร์ คนเดียวกัน ใช้เทคนิคเดียวกัน แต่ว่า เราเล่นกีฬาได้เก่งไม่เท่ากัน แต่อย่างไรก็ตามหลังฉีดวัคซีนไปแล้วได้ประโยชน์อย่างแน่นอนค่ะ ยังไงก็สามารถลดอัตราการป่วยหนักรุนแรงลดอัตราการเสียชีวิตได้ ฉีดวัคซีนแล้วโอกาสที่จะต้อง ป่วยเข้าโรงพยาบาลหรือว่าการใส่ท่อช่วยหายใจ น้อยลงอย่างแน่นอนค่ะ

 

เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์วัคซีนสามารถป้องกันได้หรือไม่

สำหรับเชื้อกลายพันธุ์นะคะ ตามข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน วัคซีนที่มีใช้กันทั่วโลก ยังสามารถป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ ได้อยู่ค่ะ แต่ประสิทธิภาพอาจจะไม่ดีเท่าสายพันธุ์ต้นๆ ที่เราใช้นำมาผลิต วัคซีนในปัจจุบันนี้ค่ะ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ ในขณะนี้คือ ฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง และ รวดเร็ว เพื่อป้องกันการระบาด หยุดยั้งการระบาด และลดการกลายพันธุ์ ให้มากที่สุดค่ะ

 

ผลข้างเคียงของโควิด-19 น่ากลัวหรือ น่ากลัวหรือเปล่าต้องกังวลอะไรบ้าง

สำหรับผลข้างเคียงและอาการไม่พึงประสงค์ ของการฉีดวัคซีนนะคะ หมอขอแบ่งเป็น 3 แบบ ง่ายๆ นะคะ เพื่อความเข้าใจ

  • แบบที่ 1 เป็นอาการที่พบได้บ่อยค่ะ มักจะเกิดได้ในทุกวัคซีน แบ่งเป็น อาการเฉพาะที่ และ อาการทั่วไปนะคะ อาการเฉพาะที่เกิดขึ้นหลังจากที่เราฉีดวัคซีนเข้าไป ที่กล้ามเนื้อ ก็จะมีอาการปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้สามารถหายเองได้ภายใน 1-2 วัน เราอาจจะทานยาแก้ปวด หรือ ปะคบเย็น ช่วยได้ค่ะ อาการอย่างที่ 2 ก็คือ อาการทั่วไป อาการทั่วไปเนี่ยเกิดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีน ส่วนใหญ่อาจจะในช่วง 2-5 วัน อาจจะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ รู้สึกมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ เวียนหัวได้บ้าง ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการทั่วไปที่ไม่รุนแรง สามารถหายเองได้โดยการพักผ่อน หรือทานยาบรรเทาอาการค่ะ
  • อาการข้างเคียงแบบที่ 2 คือ อาการแพ้รุนแรง นะคะ อาการแพ้รุนแรงสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวัคซีน แล้วก็มักจะเกิดในคนที่แพ้สารประกอบในวัคซีนนั้นๆ ค่ะ ส่วนใหญ่จะเกิดในคนที่มีประวัติ แพ้อาหารง่าย แพ้ยาง่ายอยู่แล้ว อาการเหล่านี้เกิดขึ้น เร็ว แล้วก็ รุนแรง อาการก็จะมี อาการเป็นผื่นทั่วตัว ปากบวม หน้าบวม รู้สึกหายใจไม่ออก รู้สึกหายใจติดขัด อาจจะมีความดันตก หรือ มีท้องเสียฉับพลัน ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะเกิด หลังจากฉีดวัคซีนทันที แล้วก็ในช่วงระยะเวลาประมาณ 30-45 นาที เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่มาว่า หลังจากเราได้รับวัคซีนแล้ว เราควรสังเกตอาการอยู่ใกล้ๆ กับคุณหมอ คุณพยาบาล ก็คืออยู่ในสถานที่ ทางโรงพยาบาลจัดไว้ หากมีอาการแพ้รุนแรง จะสามารถช่วยได้ทันท่วงที นะคะ ซึ่งอาการเหล่านี้ แม้จะเป็นอาการที่รุนแรง แต่ว่า สามารถรักษาได้ และก็เกิดในอัตราที่ต่ำมาก อย่างเช่น วัคซีนในปัจจุบันนี้อัตราอยู่ที่ ประมาณ 1-2 คน ต่อ 1 ล้านโดส ของวัคซีนค่ะ
  • อาการข้างเคียง หรือ อาการไม่พึงประสงค์ของวัคซีนแบบที่ 3 นะคะ เป็นอาการเฉพาะที่มีรายงานหลังจากที่ มีการใช้วัคซีนไประยะหนึ่ง อาการเหล่านี้ เกิดจากการเก็บรวบรวมข้อมูล จากคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้ว และรายงานเข้ามา นะคะ ซึ่งปัจจุบันนี้ ข้อมูลที่มีอยู่ หลังจากใช้วัคซีนไประยะหนึ่ง ยกตัวอย่าง วัคซีน แอสตร้าเซเนก้า ปัจจุบันมีการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน แล้วก็ภาวะการเกิดเกร็ดเลือดต่ำ หลังจากได้รับวัคซีนไปแล้ว ในช่วงระยะเวลาประมาณ 4-30 วัน หลังจากได้รับวัคซีน อาการต่างๆ เหล่านี้ เกิดขึ้นในอัตราประมาณ 4 คน ใน 1 ล้านคน หรือว่า 1 คนต่อ 250,000 ของวัคซีนที่ฉีดไปค่ะ ส่วนของ วัคซีนบริษัท ซิโนแวค ในประเทศไทยมีรายงานการเกิดอาการชา แขนขาอ่อนแรง ชา บริเวณใบหน้า มีพูดไม่ชัด ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้ เกิดขึ้นแล้วก็หายได้เอง ภายใน 3 วัน หลังจากที่เราทำการสแกนสมอง หรือว่า ทางระบบประสาทเพิ่มเติมแล้ว ไม่พบว่ามีรอยโรคถาวรเกิดขึ้น นะคะ ส่วนวัคซีนของไฟเซอร์ และ โมเดอนา ยังไม่มีรายงานความสัมพันธุ์ ของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหรืออาการระบบทางประสาท ที่รุนแรงคะ

 

ผลข้างเคียงของวัคซีนโควิด-19 รักษาได้หรือเปล่า

อาการข้างเคียงและอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ เหล่านี้ อาจจะฟังดูน่ากลัวนะคะ แต่เรา สามารถรับมือกับมันได้ค่ะ เพียงแค่ หากท่านได้รับวัคซีนแล้วให้สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากท่านมีอาการปวดศีรษะรุนแรง มีอาการชาใบหน้า พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรง เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ปวดขา ปวดหลัง หรือ อาการที่ผิดปกติไป ให้ท่าน รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ แจ้ง โรงพยาบาล เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงทีคะ

 

สามารถเลือกรับวัคซีนโควิด-19 ได้หรือไม่

ขณะนี้ประเทศไทย มีวัคซีน ตามที่รัฐจัดสรรให้ 2 ชนิดนะคะ คือ ของบริษัทแอสตร้าเซเนก้า และ ซีโนแวค คะหากท่านลงทะเบียนผ่านไลน์หมอพร้อมและแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม ในวันที่ท่านมาฉีด ท่านจะได้รับวัคซีน ตามที่รัฐบาลจัดสรรให้นะคะ

 

มีวัคซีนทางเลือกหรือไม่ หากต้องการเลือกวัคซีนเอง

สำหรับวัคซีนทางเลือกนะคะ ในอนาคตอาจจะมีวัคซีนทางเลือกเพิ่มขึ้นในภาคเอกชน ในช่วงปลายปี อย่างเช่น วัคซีนชนิด mRNA ของบริษัทโมเดอนาหรือไฟเซอร์ ซึ่งใช้กันไปทั่วโลกกว่า 140 ประเทศค่ะ

 

ควรรอวัคซีนทางเลือกหรือไม่ หากเรายังไม่มั่นใจ

ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19  ในประเทศไทยมีการระบาดเป็นวงกว้าง มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นคะ ใน 100 คนของผู้ติดเชื้อโควิด -19  มีคนที่เจ็บป่วยรุนแรงสูงถึง 20-30 คน คิดเป็น 20-30 % ของอัตราการป่วย และใน 100 คนนี้ จะมี 2-3 คน ที่ อันตรายถึง เสียชีวิตนะคะ เพราะฉะนั้นโรค โควิด -19 เป็นโรคที่ติดต่อกันง่ายจากคนสู่คน ถ้าท่านมีความเสี่ยงที่ ที่ยังจะต้องพบปะผู้คนอยู่แสดงว่าท่านมีความเสี่ยง ที่จะติดเชื้อโควิด – 19 ได้ง่าย หรือ อย่างที่ 2 หากท่านมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหลอดเลือดสมอง โรคเกี่ยวกับปอด เช่น โรคถุงลมโป่งพอง โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคไต และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องอื่นๆ  ท่านมีโอกาสที่จะเป็นโรคโควิด – 19 รุนแรง อาจจะมีความรุนแรงจนกระทั่งต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แล้วก็อยู่โรงพยาบาลนานขึ้นเพราะฉะนั้นขณะนี้คะ ระยะเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด หากท่านมีโอกาสรับวัคซีน ขอให้ท่านรับวัคซีนโดยเร็ว เพื่อลด การป่วยรุนแรง และ อัตราการเสียชีวิตลงค่ะ

โดยเฉพาะนะคะ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคไต โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ต่างๆ เหล่านี้ เป็นโรคที่ทำให้มีอัตรา การป่วยรุนแรงสูงขึ้น ขอให้ท่านรีบรับวัคซีนโดยเร็วนะคะ

 

เตรียมตัวอย่างไร ก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19

ก่อนมารับวัคซีนก็สามารถเตรียมตัวง่ายๆ ค่ะ ให้ท่านพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ งดอาหารรสจัด ทานอาหารย่อยง่าย งดบุหรี่ ชา กาแฟ ก่อนมารับวัคซีน นะคะ ในวันมารับวัคซีน สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย อย่าลืมสวมแมสก์ หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่างนะคะ อย่าลืมแจ้งโรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา แพ้อาหาร แก่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งนะคะ และนำบัตรประชาชนมาด้วยนะคะ

 

หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ต้องสังเกตอาการอย่างไร

หลังฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านรออยู่ในโรงพยาบาลในสถานที่จัดไว้นะคะ เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที เพื่อสังเกตอาการแพ้รุนแรงค่ะ หรือ เมื่อท่านกลับบ้านไปแล้ว มีอาการ ผื่นขึ้นฉับพลัน มีอาการหน้าบวม ปากบวม หนังตาบวม หายใจติดขัด หายใจไม่ออก คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ ท้องเสียรุนแรง ให้รีบมาโรงพยาบาลทันทีค่ะ

 

ฉีดวัคซีนจากรัฐแล้ว สามารถฉีดวัคซีนทางเลือกอีกได้หรือไม่

สำหรับผู้ที่สงสัยว่าหลังจากรับวัคซีนของทางภาครัฐแล้ว สามารถรับวัคซีนทางเลือกได้อีกหรือไม่ นะคะ ในทางทฤษฎี สามารถทำได้ค่ะ เพราะว่าเป็นวัคซีนคนละชนิดกัน ให้รับวัคซีนทางเลือกหลังจาก รับวัคซีนชนิดแรกแล้วอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไปค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลการศึกษาถึงประโยชน์ อย่างชัดเจนของการรับวัคซีนคนละชนิดกัน หรือ เรียกว่า บู๊ทเตอร์โดสนะคะ

 

หญิงตั้งครรภ์ควรฉีดวัคซีนโควิดหรือไม่

สำหรับหญิงตั้งครรภ์นะคะ หากเป็นโรคโควิด มีโอกาสที่จะมีความรุนแรงของโรค มากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ที่มี โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตขณะตั้งครรภ์ น้ำหนักมาก อายุมากเป็นต้นนะคะ เพราะฉะนั้น ในปัจจุบันแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ ในไตรมาส ที่ 2 และ 3 ขอให้รับวัคซีนโควิด ทุกราย เพื่อป้องกันความรุนแรงของโรค และป้องกันอัตราการเสียชีวิตค่ะ อย่างไรก็ตามในขณะนี้ข้อมูลวัคซีนป้องกันโรคโควิด ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีมากที่สุดนะคะ เป็นวัคซีนชนิด mRNA ของบริษัท ไฟเซอร์ และ โมเดอนา ที่เก็บข้อมูล การฉีดวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ ประมาณ 90,000 คน ซึ่งปัจจุบันพบว่า ยังไม่มีรายงานผลข้างเคียง ต่อความปลอดภัยจากแม่และเด็กหลังจากได้รับวัคซีนนะคะ แต่ขณะนี้ในประเทศไทย ยังไม่มีวัคซีนทางเลือกชนิด mRNA ทาง กรมอนามัย จึงแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ ในไตรมาส  ที่ 2 และ 3 ได้รับวัคซีนโควิด-19  ชนิดวัคซีนเชื้อตาย หรือ บริษัท ซิโนแวค ก่อนค่ะ

 

เคยติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ต้องฉีดวัคซีนหรือไม่

สำหรับผู้ที่สงสัยว่าหากเราติดเชื้อโควิดแล้วยังจำเป็นต้องได้รับวัคซีนอยู่ไหม ผู้ที่ติดเชื้อ โควิดแล้ว จะมีภูมิต้านทานต่อโรคโควิดโดยธรรมชาติ อยู่นานประมาณ 3-6 เดือนค่ะ ซึ่งหลังจากภูมิตกลง ยังสามารถติดเชื้อซ้ำได้นะคะ เพราะฉะนั้นหลังจากหายจากโควิดแล้ว ขอให้ท่านเข้ารับวัคซีนนะคะ ในระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือนค่ะ

 

สรุป วัคซีนโควิด-19

โรคโควิด-19 ในขณะนี้ยังติดต่อกันได้ง่ายจากคนสู่คน วัคซีนเป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่สำคัญในตอนนี้ ที่เราเชื่อว่าจะหยุดการระบาดได้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชากรได้ ลดอัตราการป่วยรุนแรงได้ ลดอัตราการเสียชีวิตของเราได้นะคะ อย่างไรก็ตามแม้ว่าประชากรส่วนหนึ่งจะได้รับวัคซีนไปแล้ว และคนอีกส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับวัคซีน จนกว่าการระบาดนี้จะสงบลง ทุกคนได้รับวัคซีนกันครบนะคะ เรายังจำเป็นต้อง รักษามาตรฐานวิถีใหม่ คือการสวมแมสก์ ล้างมือ และการเว้นระยะห่างอยู่นะคะ แล้วเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันค่ะ

 

พบแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์โรคติดเชื้อ ที่ โรงพยาบาลสินแพทย์ สาขาใกล้บ้านคุณ
(คลิก link เพื่อนัดพับแพทย์เฉพาะทาง)

โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา
โรงพยาบาลสินแพทย์ ลำลูกกา
โรงพยาบาลสินแพทย์ เสรีรักษ์
โรงพยาบาลสินแพทย์ เทพารักษ์
โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์
โรงพยาบาลสินแพทย์ กาญจนบุรี
โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์

SHARE