
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ตัวว่า เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ และมีอีกเป็นจำนวนมากที่คิดว่าอาการที่เป็นอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่อาการของโรคที่ร้ายแรง คิดว่าเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร เพลียจากการทำงานหนัก แต่ความจริงแล้ว อาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคหัวใจขาดเลือด
สงสัยอาการเริ่มต้นโรคหัวใจ? พบคำตอบและสัญญาณเตือนที่นี่!
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ตัวว่า เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ และมีอีกเป็นจำนวนมากที่คิดว่าอาการที่เป็นอยู่บ่อยๆ
ไม่ใช่อาการของโรคที่ร้ายแรง คิดว่าเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร เพลียจากการทำงานหนัก แต่ความจริงแล้ว
อาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคหัวใจขาดเลือด
สารบัญ
คู่มือสังเกตอาการเริ่มต้น “โรคหัวใจ”
เจ็บหน้าอกแบบไหน? ที่อาจเป็นสัญญาณโรคหัวใจ
อาการเจ็บหน้าอกไม่ได้เกิดจากโรคหัวใจเสมอไป แต่หากมีลักษณะเหมือนถูกบีบรัด แน่น อึดอัด หรือมีน้ำหนักกดทับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดขึ้นขณะออกแรงหรือมีความเครียด และอาการปวดอาจร้าวไปที่แขน คอ กราม หรือหลัง
นี่คือสัญญาณที่คุณไม่ควรมองข้าม
หายใจติดขัด: อย่าละเลยอาการเหนื่อยหอบ
หากคุณรู้สึกเหนื่อย หอบ หรือหายใจลำบาก ทั้งที่ไม่ได้ทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก หรือมีอาการเหล่านี้ขณะพักผ่อนหรือนอนราบ
นี่อาจเป็นสัญญาณว่าหัวใจทำงานผิดปกติ เพราะหัวใจอาจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เหนื่อยง่ายกว่าปกติ: สังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
การที่จู่ ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียผิดปกติ แม้จะทำกิจกรรมเดิมๆ ที่เคยทำได้สบายๆ
นี่คือข้อสังเกตสำคัญที่บ่งบอกว่าร่างกายคุณกำลังส่งสัญญาณบางอย่าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นอาการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องและหาสาเหตุไม่ได้
หัวใจเต้นผิดปกติ: จับจังหวะหัวใจตัวเอง
อาการที่รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วเกินไป เต้นช้าไป เต้นไม่สม่ำเสมอ เต้นแรงผิดปกติ หรือรู้สึกใจสั่น
อาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับหัวใจได้
เหงื่อออกเยอะโดยไม่มีสาเหตุ: อีกสัญญาณที่ต้องระวัง
การมีเหงื่อออกมากผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ร้อนจัด ไม่ได้ออกกำลังกาย หรือไม่มีไข้
อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคหัวใจที่ควรปรึกษาแพทย์
ปวดร้าวที่แขนหรือไหล่: อย่าคิดว่าเป็นแค่อาการเมื่อย
อาการปวดร้าวที่แขนข้างซ้าย ไหล่ หลัง หรือคอ บางครั้งอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงอาการปวดเมื่อยทั่วไป แต่ในบางกรณี
โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นร่วมกับอาการเจ็บหน้าอกหรือเหนื่อยหอบ นี่อาจเป็นสัญญาณของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดF
อาการบวมต่างๆ: อาจเกี่ยวข้องกับภาวะหัวใจ
หากพบว่ามีอาการบวมตามเท้า ข้อเท้า ขา หรือหน้าท้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกดแล้วบุ๋ม อาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจล้มเหลว
ซึ่งเกิดจากหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ของเหลวคั่งค้างในร่างกาย
อาการอื่นๆ ที่ควรสังเกตและปรึกษาแพทย์
นอกจากอาการที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีอาการอื่น ๆ ที่ควรสังเกต เช่น เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม หรือคลื่นไส้
อาเจียนผิดปกติ หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
อาการเริ่มต้นของโรคหัวใจขาดเลือดมีอะไรบ้าง?
ส่วนใหญ่จะเป็นอาการเจ็บหน้าอก และจะเจ็บเหมือนมีอะไรกดทับ จุกแน่น แสบ เหมือนถูกบีบรัดมากกว่าการเจ็บแบบถูกเข็มแทง เจ็บแปลบๆ หรือชาๆ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นช่วงกล้ามเนื้อหัวใจต้องการเลือดมาเลี้ยงมากกว่าปกติ เช่น ขณะออกกำลังกายเมื่อเดินหรือวิ่งเร็วๆ เดินขึ้นที่สูงชัน หรือขึ้นบันได หรือขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ ในบางคนอาจมีอาการมากขึ้นภายหลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ เมื่อโดนอากาศเย็นๆ อาบน้ำเย็นๆ หรืออยู่ในที่ที่มีอากาศเบาบาง และส่วนใหญ่อาการมักจะทุเลาลงหลังจากได้นั่งหรือได้นอนพักสักครู่ แต่ในรายที่เป็นมากอาจมีอาการแม้ในขณะที่พักอยู่เฉยๆ ก็ได้
อาการเจ็บหน้าอกหรือจุกแน่นจากโรคหัวใจในบางครั้ง เกิดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ เป็นประเดี๋ยวก็หายแล้วก็เป็นอีกทำให้หลายคนคิดว่าเป็นอาการของอาหารไม่ย่อย มีลมหรือกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป บางคนอาจมีอาการตอนบ่ายๆ หรือตอนเย็นหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน ในช่วงระยะนี้หากได้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและหาสาเหตุอย่างละเอียด สามารถรักษาและควบคุมให้มีอาการเป็นปกติได้ไม่ยาก เพราะกล้ามเนื้อหัวใจเพิ่งจะเริ่มมีปัญหา แต่หากปล่อยทิ้งไว้ความรุนแรงจะมากขึ้น บางรายอาจมีอาการแบบนี้อยู่หลายปีก็ได้ แต่ที่น่ากลัวและอันตรายมากที่สุดคืออาจทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงอุดตัน เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หัวใจวาย หัวใจหยุดเต้น จนทำให้เสียชีวิตได้ในที่สุด
ดังนั้นเราจึงควรหมั่นสังเกตตนเองตั้งแต่วันนี้ และถ้ามีปัจจัยเสี่ยง เช่นมีประวัติพ่อแม่หรือคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ มีโรคความดันโลหิตสูง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คร่างกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้ห่างไกลจากโรคหัวใจ
ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ ศูนยหัวใจ สาขาใกล้บ้านคุณ