เจ็บหน้าอก คือสัญญาณเตือนโรคหัวใจ หรือ คิดไปเอง ?

5 พ.ย. 2564 | เขียนโดย ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลสินแพทย์

อาการเจ็บหน้าอก (Chest Pain) หมายถึง ความไม่สุขสบายใด ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าอก โดยมีสาเหตุจากหลายประการ สิ่งแรกที่เราควรทำความเข้าใจ คือ การเจ็บหน้าอก ไม่เท่ากับ เป็นโรคหัวใจ การเจ็บที่หน้าอกอาจเป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น งูสวัด, เกิดจากกล้ามเนื้อกระดูกอ่อนที่อยู่ข้างใต้มีการอักเสบ หรือ เกิดจากเยื่อหุ้มปอด หรือ เยื่อหุ้มหัวใจมีการอักเสบก็ได้ ดังนั้นแล้ว การเจ็บหน้าอก เป็นเพียงหนึ่งในอาการของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเท่านั้น อาการเจ็บหน้าอกที่เข้าได้กับโรคหัวใจขาดเลือด จะมีลักษณะเจ็บแน่น ๆ อึดอัด เจ็บตื้อ ๆ รู้สึกเหมือนถูกรัด หรือ มีบางอย่างหนัก ๆ มากดทับบริเวณหน้าอก อาจมีร้าวขึ้นกราม หรือ ลามไปหลัง สะบัก แขน ได้ ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยแยกโรคอื่น ๆ ออกไปได้ คือ ประวัติลักษณะการเจ็บป่วยที่ผู้ป่วยเป็น หากคุณเล่าอาการที่เกิดขึ้นให้คุณหมอฟังได้ดีจะช่วยให้การวินิจฉัยโรคเป็นไปได้ง่าย เร็ว และแม่นยำขึ้น



โรคหัวใจ คือกลุ่มโรคที่มีความผิดปกติที่หัวใจ เป็นคำรวมกว้าง ๆ ไม่ได้สื่อความใด ๆ โรคหัวใจมีหลายชนิด ยกตัวอย่าง ได้แก่

  1. โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease)
  2. โรคลิ้นหัวใจตีบ หรือ รั่ว (Valvular Heart Disease)
  3. โรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ (Cardiomyopathy)
  4. โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) เป็นคำรวมโรคอีกเช่นกัน ต้องวินิจฉัยจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ความเสี่ยงแต่ละโรคมีความแตกต่างกัน
  5. ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) เป็นภาวะ ยังไม่ใช่โรค หัวใจล้มเหลวเกิดได้จากหลายสาเหตุตามโรคข้างต้นในข้อ 1-4 กล่าวคือ สุดท้ายแล้ว โรคต่าง ๆ ที่เกิดกับหัวใจ สามารถส่งผลให้หัวใจทำงาน สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ไม่ดี หัวใจล้มเหลวจึงเป็นผลลัพท์จากโรคเรื้อรังต่าง ๆ เป็นปลายทางหากเราควบคุมโรคได้ไม่ดี

 

ในที่นี้ จะขอกล่าวเฉพาะอาการของกลุ่มโรคหัวใจที่พบได้บ่อยที่สุด คือ อาการของหลอดเลือดหัวใจตีบที่ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มาถึงตรงนี้อาจทำให้หลายคนนึกถึงอาการ ”เจ็บหน้าอก”

 

อาการเจ็บหน้าอก (Chest Pain) หมายถึง

ความไม่สุขสบายใด ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าอก โดยมีสาเหตุจากหลายประการ สิ่งแรกที่เราควรทำความเข้าใจ คือ การเจ็บหน้าอก ไม่เท่ากับ เป็นโรคหัวใจ การเจ็บที่หน้าอกอาจเป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น งูสวัด, เกิดจากกล้ามเนื้อกระดูกอ่อนที่อยู่ข้างใต้มีการอักเสบ หรือ เกิดจากเยื่อหุ้มปอด หรือ เยื่อหุ้มหัวใจมีการอักเสบก็ได้ ดังนั้นแล้ว การเจ็บหน้าอก เป็นเพียงหนึ่งในอาการของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเท่านั้น อาการเจ็บหน้าอกที่เข้าได้กับโรคหัวใจขาดเลือด จะมีลักษณะเจ็บแน่น ๆ อึดอัด เจ็บตื้อ ๆ รู้สึกเหมือนถูกรัด หรือ มีบางอย่างหนัก ๆ มากดทับบริเวณหน้าอก อาจมีร้าวขึ้นกราม หรือ ลามไปหลัง สะบัก แขน ได้ ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยแยกโรคอื่น ๆ ออกไปได้ คือ ประวัติลักษณะการเจ็บป่วยที่ผู้ป่วยเป็น หากคุณเล่าอาการที่เกิดขึ้นให้คุณหมอฟังได้ดีจะช่วยให้การวินิจฉัยโรคเป็นไปได้ง่าย เร็ว และแม่นยำขึ้น

 

นอกจากนี้ กลุ่มอาการที่ควรรู้ เพราะมักพบร่วมกับหัวใจขาดเลือด คือ

อาการหัวใจล้มเหลว ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย เมื่อเรารักษาไม่ทันจะทำให้หัวใจที่เปรียบเสมือนปั๊มน้ำของร่างกาย บีบตัวได้ไม่ดี โดยจะมีอาการดังต่อไปนี้

  • เหนื่อยง่ายเวลาออกแรง ทำงานไม่ไหว หายใจไม่ทัน (จากเดิมที่เคยทำได้) หรือ บางรายอาจหน้ามืด ใจสั่นได้
  • อาการของน้ำท่วมปอด ได้แก่ นอนหลับไปแล้วลุกตื่นมาตอนกลางคืนเพราะรู้สึกหอบเหนื่อย หายใจไม่ทัน แต่จะดีขึ้นเมื่อได้ลุกขึ้นเดิน หรือ ในรายที่เป็นมากอาจนอนราบไม่ได้ ต้องนอนหัวสูงใช้หมอนหลายใบ หรือ สุดท้ายต้องนั่งหลับแทนการนอน เป็นต้น
  • อาการน้ำเกินอื่น ๆ ได้แก่ ขาเท้าบวม กดบุ๋ม ตับโตทำให้จุกแน่นลิ้นปี่ เบื่ออาหาร

 

วิธีการตรวจโรคหัวใจ

วิธีที่ดีที่สุดคือ การเข้ารับการตรวจสุขภาพหัวใจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะมีวิธีการ และเครื่องมือวินิจฉัยที่แม่นยำ เพื่อการวินิจฉัยความเสี่ยงของโรคที่เที่ยงตรง โดยแบ่งออกเป็น

 

การตรวจเบื้องต้น

  • การซักประวัติอย่างละเอียด ถึงอาการเจ็บป่วยที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ การสังเกตอาการ และแจ้งประวัติที่ถูกต้อง ชัดเจน จะมีส่วนช่วยในการวินิจฉัยโรคที่แม่นยำยิ่งขึ้น
  • ตรวจร่างกายเบื้องต้น ด้วยการสังเกต : ดู ฟัง คลำ เคาะ

 

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory Investigation)

คือ การตรวจเลือด หรือ สารคัดหลั่งใด ๆ เพื่อประเมินสุขภาพ ยืนยันการวินิจฉัยโรค หรือ ติดตามการรักษาการตรวจ และสืบค้นโรคหัวใจจาก Lab Test แบ่งออกได้ดังนี้

 

  1. Basic Lab คือ การตรวจพื้นฐานทั่วไป เพื่อหาปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ และตรวจหาโรคร่วมที่อาจส่งผลต่อการรักษา เช่น ระดับน้ำตาลในเลือด (ค้นหาโรคเบาหวาน) ระดับไขมันในเลือด (เช่น LDL (ไขมันเลว), ไตรกลีเซอไรด์ และ HDL (ไขมันดี) เป็นต้น) ค่าครีเอติน (Creatinine) กรดยูริก (Uric Acid) และประเมินการทำงานของไต เป็นต้น

 

  1. Cardiac Biomarkers คือ การตรวจวิเคราะห์สารชีวเคมีในเลือด เพื่อช่วยในการวินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือ ภาวะหัวใจล้มเหลว เช่น HS-Cardiac Troponin, NT-proBNP

 

  1. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG : Electrocardiography) คือ การวัดไฟฟ้าของหัวใจออกมาสร้างเป็นกราฟ ทำให้เห็นความสัมพันธ์ของการนำไฟฟ้าภายในหัวใจ ช่วยในการวินิจฉัยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) รวมถึงภาวะความผิดปกติอื่น ๆ ทางระบบหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด, เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ, ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ เป็นต้น)

 

นอกจากนี้เราสามารถติดกราฟไฟฟ้าหัวใจให้กับผู้ป่วยขณะที่ออกกำลังกาย โดยการวิ่งสายพาน หรือ ปั่นจักรยาน  เพื่อสืบค้นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเบื้องต้นได้ เรียกว่า การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST : Exercise Stress Test)

 

และในโรงพยาบาลบางแห่งมีเทคโนโลยีที่สามารถวัดปริมาณออกซิเจน (O2) และ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ระหว่างการออกกำลังกายควบคู่ไปกับการติดกราฟไฟฟ้าหัวใจ ช่วยให้การวินิจฉัยแม่นยำยิ่งขึ้น ได้ข้อมูลเพิ่มเติมในการประเมินสมรรถภาพร่างกาย และใช้ในการติดตามสุขภาพหัวใจ ปอด และกล้ามเนื้อโดยรวมในแต่ละปีได้ เรียกว่า CPET (Cardiopulmonary Exercise Test)

 

  1. Cardiac Imaging คือ การสืบค้นด้วยการแสดงภาพของหัวใจ
    • การเอ็กซ์เรย์ทรวงอก (Chest X-Ray)
    • การตรวจหัวใจด้วยคลื่นความถี่สูง (Echocardiography)
    • การวัดปริมาณแคลเซียมที่เกาะตามหลอดเลือดหัวใจ (Calcium Score)
    • การตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (Coronary CTA)
    • การตรวจหัวใจด้วยคลื่นสะท้อนแม่เหล็กไฟฟ้า (Cardiac MRI)

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น การตรวจแบบต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยว่าสงสัยภาวะใด นอกจากนี้ยังใช้พยากรณ์โรคได้อีกด้วย

 

ถ้าไม่มีอาการ จำเป็นต้องตรวจสุขภาพหัวใจไหม?

ไม่ว่าคุณจะมีอาการที่กล่าวมาข้างต้นหรือไม่ ก็ควรตรวจสุขภาพของหัวใจเป็นประจำ เพราะ โรคหัวใจบางชนิด สามารถป้องกันได้ นอกจากนี้โรคหัวใจบางประเภทไม่แสดงอาการ หรือ มีอาการไม่ชัดเจน หากเราไม่ตรวจ ทำให้เราไม่รู้ถึงโรคที่เป็นอยู่ และกว่าจะรู้ก็อาจสายไปแล้ว

 

อาการเจ็บหน้าอกใช่สัญญาณเตือนโรคหัวใจหรือไม่

 

สามารถตรวจสอบรายละเอียดโปรแกรมตรวจสุขภาพหาปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดเบื้องต้น

พร้อมโปรโมชันพิเศษ คลิก https://bit.ly/3DmNly3

 

พบแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์หัวใจ หรือ ศูนย์หัวใจล้มเหลว ที่ โรงพยาบาลสินแพทย์ สาขาใกล้บ้านคุณ 

(คลิก link เพื่อนัดพับแพทย์เฉพาะทาง)

โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา 

โรงพยาบาลสินแพทย์ ลำลูกกา

โรงพยาบาลสินแพทย์ เทพารักษ์  

โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์ 

โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์  

SHARE