BMD คืออะไร สำคัญยังไง ทำไมต้องมาตรวจกับศูนย์กระดูกและข้อ

21 มี.ค. 2568 | เขียนโดย โรงพยาบาลสินแพทย์ นครปฐม

BMD คืออะไร สำคัญยังไง ทำไมต้องมาตรวจกับศูนย์กระดูกและข้อ

สุขภาพกระดูกเป็นสิ่งสำคัญที่มักถูกมองข้ามจนกว่าจะเกิดปัญหา เช่น ภาวะกระดูกพรุนหรือกระดูกหัก กรมการแพทย์ระบุว่า คนไทยกระดูกพรุนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป และผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนยังเสี่ยงกระดูกเปราะหักง่ายอีกด้วย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเคลื่อนไหว และคุณภาพชีวิตอย่างมาก

การตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก หรือ BMD จึงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและลดความเสี่ยงของภาวะนี้ วันนี้โรงพยาบาลสินแพทย์ นครปฐม จะมาบอกเล่าเกี่ยวกับความสำคัญของการตรวจ BMD วิธีตรวจ และวิธีการป้องกันโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้คุณเข้าใจ และสามารถดูแลสุขภาพกระดูกของตนเองได้ดียิ่งขึ้น

BMD คืออะไร สำคัญยังไง? 

BMD (Bone Mineral Density) หรือการตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก เป็นหนึ่งในวิธีสำคัญที่ช่วยประเมินภาวะกระดูกพรุนและโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพกระดูก การตรวจนี้สามารถช่วยให้แพทย์ทราบว่ากระดูกของผู้ป่วยมีความหนาแน่นเพียงพอหรือไม่ และสามารถใช้เป็นแนวทางในการป้องกันหรือรักษาโรคกระดูกพรุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การเข้ารับการตรวจ BMD ที่ ศูนย์กระดูกและข้อ จะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการดูแลสุขภาพกระดูกของคุณ

 

ใครบ้างที่ควรตรวจ BMD? 

การตรวจ BMD ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้สูงอายุ แต่ยังแนะนำให้ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุนเข้ารับการตรวจ ได้แก่

  • ผู้สูงอายุ : ผู้หญิงที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้ชายที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มที่มวลกระดูกจะลดลงตามอายุ
  • ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน : เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ส่งผลให้การสลายของกระดูกเพิ่มขึ้น
  • ผู้ที่มีประวัติกระดูกหักจากอุบัติเหตุเล็กน้อย : เช่น กระดูกข้อมือ หรือกระดูกสะโพกหักจากการหกล้มเล็ก ๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของกระดูกที่อ่อนแอ
  • ผู้ที่ได้รับยากลุ่มสเตียรอยด์เป็นเวลานาน : เช่น ผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรครูมาตอยด์ ซึ่งต้องใช้ยาสเตียรอยด์ต่อเนื่อง
  • ผู้ที่มีโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับกระดูก : เช่น โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน : หากพ่อแม่หรือพี่น้องมีภาวะกระดูกพรุนหรือกระดูกหักจากภาวะดังกล่าว ควรตรวจ BMD ตั้งแต่อายุยังไม่มาก
  • ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการสูญเสียมวลกระดูก : เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ออกกำลังกาย หรือได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ

 

การตรวจ BMD

 

ตรวจ BMD ทำได้กี่แบบ? 

การตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูกสามารถทำได้หลายวิธี โดยแต่ละวิธีมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความต้องการของแพทย์และผู้ป่วยแต่ละราย

 

Dual-energy X-ray absorptiometry (DXA) 

  • จุดเด่น : เป็นมาตรฐานทองคำของการตรวจ BMD เนื่องจากให้ค่าความแม่นยำสูง ใช้รังสีเอกซ์พลังงานต่ำ ทำให้ความเสี่ยงต่อรังสีอยู่ในระดับต่ำ
  • วิธีการตรวจ : ใช้เครื่องเอกซเรย์พลังงานต่ำเพื่อตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูกบริเวณสะโพกและกระดูกสันหลัง
  • ข้อจำกัด : ไม่สามารถวัดรายละเอียดโครงสร้างภายในของกระดูกได้มากนัก

 

Quantitative computed tomography (CT) 

  • จุดเด่น : ใช้การสแกนด้วย CT scan ทำให้สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโครงสร้างของกระดูกได้ดีขึ้น
  • วิธีการตรวจ : ใช้รังสีเอกซ์พลังงานสูงกว่าการตรวจ DXA เพื่อสร้างภาพตัดขวางของกระดูก ช่วยประเมินทั้งความหนาแน่นและโครงสร้างของกระดูก
  • ข้อจำกัด : มีปริมาณรังสีสูงกว่า DXA และมักใช้ในกรณีที่ต้องการวินิจฉัยเชิงลึกเพิ่มเติม

 

การตรวจอัลตราซาวด์ 

  • จุดเด่น : ไม่ใช้รังสี ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการได้รับรังสี เช่น หญิงตั้งครรภ์
  • วิธีการตรวจ : ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการวัดความหนาแน่นของกระดูก ส่วนใหญ่ใช้ตรวจที่กระดูกส้นเท้า
  • ข้อจำกัด : ความแม่นยำต่ำกว่าวิธี DXA และ QCT ไม่สามารถใช้วินิจฉัยภาวะกระดูกพรุนได้โดยตรง แต่ใช้เป็นวิธีคัดกรองเบื้องต้น

 

ตรวจ BMD มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง 

การตรวจ BMD ที่ ศูนย์กระดูกและข้อ โดยทั่วไปมีมาตรการดังต่อไปนี้ เพื่อความสะดวก ปลอดภัย และได้ผลการตรวจที่แม่นยำ

 

ก่อนรับการตรวจ 

  • ไม่ต้องงดอาหารหรือน้ำดื่มก่อนตรวจ
  • งดรับประทานแคลเซียมหรืออาหารเสริมแคลเซียมก่อนตรวจ 24 ชั่วโมง
  • ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่มีโลหะ เช่น ซิป หรือกระดุมโลหะ
  • ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบหากเพิ่งได้รับการฉีดสารทึบรังสีหรือกลืนแร่มา เพราะอาจมีผลต่อผลการตรวจ

 

ระหว่างรับการตรวจ 

  • ใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ตรวจ
  • นอนนิ่ง ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ขณะทำการตรวจ

 

หลังรับการตรวจ 

  • สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • รับผลการตรวจและคำแนะนำจากแพทย์เกี่ยวกับแนวทางดูแลกระดูก 
  • ผลที่ได้เป็นค่าความหนาแน่นของมวลกระดูกเทียบกับค่ามวลกระดูกมาตรฐานของประชากรทั่วไป (T-score) ซึ่งสามารถวินิจฉันได้ดังต่อไปนี้
    •  ค่า T score มากกว่า -1 = ความหนาแน่นกระดูกแบบปกติ (Normal Bone)
    •  ค่า T score ที่อยู่ต่ำกว่า -1 แต่สูงกว่า -2.5 = กระดูกบาง (Osteopenia)
    •  ค่า T score ต่ำกว่า -2.5 = โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)

 

ป้องกันกระดูกพรุน

 

วิธีป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน จาก BMD น้อย 

  • รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่เพิ่มความแข็งแรงของกระดูก
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ส่งผลกระทบต่อมวลกระดูกโดยไม่จำเป็น

 

สรุป

สรุปได้ว่า การตรวจ BMD เป็นวิธีที่ช่วยประเมินสุขภาพกระดูกและป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของภาวะกระดูกพรุนและแนะนำแนวทางการดูแลสุขภาพกระดูกให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล นอกจากนี้ การตรวจ BMD ยังช่วยให้สามารถติดตามผลการรักษาในผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุนแล้วได้อีกด้วย

หากคุณต้องการดูแลสุขภาพกระดูกให้แข็งแรงและลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน ศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลสินแพทย์ นครปฐม พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยและให้คำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณได้รับแนวทางการป้องกันและดูแลกระดูกของตนเองได้อย่างดีที่สุด

 

 

SHARE