เชื้อราในช่องคลอดเกิดจากอะไร ?
เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal candidiasis) มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อราในกลุ่มแคนดิดา ที่พบได้บ่อยที่สุดคือ เชื้อ Candida Albicans ภายในช่องคลอดหรือบริเวณปากช่องคลอด
ใครบ้างมีปัจจัยต่อการติดเชื้อราในช่องคลอด ?
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่คุมน้ำตาลไม่ดี
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน
- ภาวะตั้งครรภ์
- การสวมกางเกงที่รัดแน่น อับชื้น
- การสวนล้างช่องคลอดบ่อย ๆ
- การรับประทานยาคุมกำเนิดในปริมาณสูง
- การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน
- การรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ยากลุ่มเสตียรอยด์
- ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่มีโรคผิวหนังเรื้อรังอื่น ๆ อยู่เดิม
- คู่นอนมีการติดเชื้อรา
เชื้อราในช่องคลอดมีอาการอย่างไร ?
- คันบริเวณปากช่องคลอดหรือภายในช่องคลอด
- ผื่นแดงบริเวณช่องคลอด อาจลามไปหัวหน่าว ขาหนีบ
- ตกขาว สีขาวข้นคล้ายนม มีกลิ่นผิดปกติ
- แสบขัดเวลาปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์
เชื้อราในช่องคลอดรักษาอย่างไร ?
เชื้อราในช่องคลอด สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการใช้ยาต้านเชื้อรา เช่น โคลไตรมาโซล ฟลูโคนาโซล คีโตโคนาโซล ไอทราโคนาโซล โดยรูปแบบยาจะมีทั้งยารับประทาน ยาเหน็บช่องคลอด และยาทา ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ตามระดับความรุนแรงของโรคและการตอบสนองต่อการรักษา หากมีอาการกลับมาเป็นซ้ำบ่อยตั้งแต่ 4 ครั้งต่อปีขึ้นไป แพทย์อาจพิจารณาให้รับประทานยาต้านเชื้อราต่อเนื่องประมาณ 6 เดือน เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของโรค
ป้องกันอย่างไรไม่ให้เป็นเชื้อราในช่องคลอด ?
- ทำความสะอาดบริเวณช่องคลอดด้วยน้ำสะอาด
- หลีกเลี่ยงการสวนล้างภายในช่องคลอดบ่อย ๆ
- เลือกสวมใส่กางเกงที่มีการถ่ายเทของอากาศดี ไม่รัดแน่นจนเกินไป ไม่อับชื้น
- รักษาความสะอาดของกางเกงชั้นใน ตากให้แห้งสนิทและโดนแสงแดด
- ช่วงมีประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้อับชื้น
- ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น
- รักษาโรคร่วม เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
- การรับประทานอาหารประเภทโยเกิร์ตที่มีส่วนผสมของแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัส อาจช่วยปรับสภาพความเป็นกรดด่างภายในช่องคลอด ลดโอกาสเกิดเชื้อราในช่องคลอด
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียด