ตับ เป็นอวัยวะสำคัญอย่างหนึ่งในร่างกาย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง หน้าที่หลักของตับนอกจากจะเป็นหล่งกำจัดของเสีย สารพิษ และเชื้อโรคต่างไ ในร่างกายแล้วยังมีหน้าที่หลักในการสร้างสารอาหาร และภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ร่างกายอีกด้วย
ตับ เป็นอวัยวะสำคัญอย่างหนึ่งในร่างกาย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง หน้าที่หลักของตับนอกจากจะเป็นหล่งกำจัดของเสีย สารพิษ และเชื้อโรคต่างไ ในร่างกายแล้วยังมีหน้าที่หลักในการสร้างสารอาหาร และภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ร่างกายอีกด้วย
ภาวะที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อตับจะทำให้เกิดความผิดปกติต่อร่างกาย และก่อให้เกิดโรคต่างๆ อีกมากมาย
อาการแสดงที่ชวนสงสัยว่าเป็นโรคตับได้แก่
- ตัวเหลือง ตาเหลือง
- อ่อนเพลียไม่ทราบสาเหตุ
- บวม
- ภาวะท้องมาน (มีน้ำในช่องท้อง)
- เลือดออกง่าย
- ปวดจุกแน่นท้อง
- คลำพบก้อนที่ท้องด้านขวา
เนื่องจากผู้ป่วยโรคตับในระยะแรก ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่มีอาการแสดงเตือนมาก่อน ผู้ป่วยที่มีการมักจะเป็นโรคตับรุนแรง หรือเกิดภาวะตับแข็งแล้ว ดังนั้น การตรวจร่างกายเพื่อตรวจสอบการทำงานของตับ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับบุคคลทั่วไป
โรคและภาวะที่เป็นอันตรายต่อตับ ที่พบบ่อยในประเทศไทย ได้แก่
- ไ วรัสตับอักเสบ (Viral Hepatitis) ปัจจุบันมีเชื้อไวรัส หลายชนิดที่สามารถทำลายตับได้ ทั้งที่ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเฉียบพลัน และเรื้อรัง ซึ่งในกลุ่มไวรัสตับอักเสบนี้โรคที่สำคัยและพบบ่อยในประเทศไทย ได้แก่
- ไวรัสตับอักเสบชนิด เอ (Viral Hepatitis A ) ทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมีไข้ ตัวเหลืองคันตามตัว บางรายอาจเกิดภาวะตับวายได้ ผู้ป่วยในกลุ่มนี้สามารถแพร่เชื้อได้ทางอุจจาระ
- ไวรัสตับอักเสบชนิด บี (Viral Hepatitis B) ทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง ประเทศไทยเป็นประเทศที่พบโรคตับชนิดนี้ได้สูงมาก ประเทศหนึ่งในโลก โดยพบพาหะมากถึง 8-12 % ของประชาชนทั้งหมด สามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ การให้เลือดและแม่สู่ลูก ผู้ป่วยที่มีการอักเสบเรื้อรัง ตับจะถูกทำลายจนเกิดภาวะ ตับแข็งและมีโอกาสเกิดมะเร็งตับสูงมากกว่าคนปกติ ถึง 200 เท่า
- ไวรัสตับอักเสบชนิด ซี (Viral Hepatitis C) พบได้ประมาณ 0.8-1.48% ของประชากรทั่วไป โดยจะพบมากขึ้นในผู้ป่วยที่มีประวัติได้รับเลือด หรือผู้ป่วยไตวายที่ได้รับการฟอกเลือดล้างไตบ่อยๆ ผู้ที่ได้รับเชื้อนี้ประมาณ 90% จะเกิดภาวะติดเชื้อเรื้อรัง และ 70% จะมีอาการอักเสบเรื้อรัง ทำให้เกิดภาวะตับแข็งและมะเร็งตับได้ในระยะต่อมา
ปัจจุบันนอกจากจะมีวัคซีน ที่สามารถป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบชนิด เอ และ บี ได้แล้ว ยังมียารักษาโรคตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับอักเสบชนิด บี และ ซี ซึ่งสามารถลดการเกิดภาวะตับแข็ง และการเกิดมะเร็งตับได้
- โรคตับจากแอลกอฮอล์ หรือ จากการดื่มสุรา (Alcoholic Liver Disease) ซึ่งแอลกอฮอล์ จากเหล้าจะถูกเปลี่นเป็นสารพิษ acetaldenhyde มีฤทธิ์ทำลายตับ และเป็นสารก่อมะเร็ง ในชาวเอเชียรวมถึงคนไทยมีโอกาส เกิดโรคตับจากแอลกอฮอล์ได้ง่ายกว่าชาวยุโรป ดังนั้นผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำควรหมั่นตรวจสุขภาพตับเป็นระยะ
- ตับอักเสบจากไขมัน (Fatty Liver) เกิดจากการที่เซลล์ไขมันแทรกในเนื้อตับ ก่อให้เกิด การอักเสบเรื้อรังมักพบในผู้ที่มีอายุระหว่าง 40-60 ปี มีรูปร่างอ้วนมีโรคเบาหวานไขมันในเลือดสูง สามารถทำให้เกิดภาวะตับแช็งได้ 8-17 % ผู้ป่วยในเลือดสูง สามารถทำให้เกิดภาวะตับแข็งได้ 8-17% ผู้ป่วยมักไม่อาการแสดงแต่จะตรวจพบ เอนไซม์ตับสูงผิดปกติ
ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับควรปฏิบัติตนอย่างไร
- งดดื่มเหล้าสูบบุหรี่
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำหวานบ่อยๆ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่ไม่จำเป็น
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร อบหรือตากแห้งที่อาจมีสารอัลฟ่าทอกซิน (alfatoxin) จากเชื้อรา ซึ่งเป็นสารก่อนมะเร็งตับ ได้แก่ ถั่วลิลงแห้ง พริกแห้ง หรือเมล็ดพืชตากแห้ง
- หมั่นพบแพทย์เพื่อรับการตรวจเช็คร่างกาย และการทำงานของตับอย่างสม่ำเสมอ
พบแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์ระบบทางเดินอาหาร ตับ และ ทางเดินน้ำดี
ที่ โรงพยาบาลสินแพทย์ สาขาใกล้บ้านคุณ
(คลิก link เพื่อนัดพับแพทย์เฉพาะทาง)