
เบาหวานขึ้นตาคืออะไร เบาหวานทำให้มีการเสื่อมของหลอดเลือดที่จอประสาทตา คือมีการรั่วของน้ำเหลืองละไขมันจากหลอดเลือดออกมาทำให้จอประสาทตาบวมมีการอุดตันของหลอดเลือดของจอประสาทตาขาดเลือดไปเลี้ยง และมีการงอกของเส้นเลือดฝอยที่ผิดปกติร่วมกับการเกิดพังผืดภายในตา ทำให้เกิดเลือดออกภายในลูกตาและจอประสาทตาลอกได้การเสื่อมของหลอดเลือดทั้งสองแบบทำให้ตามัวลง ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็จะทำให้สูญเสียสายตาอย่างถาวร
เบาหวานขึ้นตาคืออะไร
เบาหวานทำให้มีการเสื่อมของหลอดเลือดที่จอประสาทตา คือ
- มีการรั่วของน้ำเหลืองละไขมันจากหลอดเลือดออกมาทำให้จอประสาทตาบวม
- มีการอุดตันของหลอดเลือดของจอประสาทตาขาดเลือดไปเลี้ยง และมีการงอกของเส้นเลือดฝอยที่ผิดปกติร่วมกับการเกิดพังผืดภายในตา ทำให้เกิดเลือดออกภายในลูกตาและจอประสาทตาลอกได้
การเสื่อมของหลอดเลือดทั้งสองแบบทำให้ตามัวลง ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็จะทำให้สูญเสียสายตาอย่างถาวร
เบาหวานขึ้นตามีอาการอย่างไร
ผู้ที่มีเบาหวานขึ้นตาอาจมีอาการตามัวเห็นเงาดำ มีฝ้าดำๆ มาบดบังการมองเห็น และบางรายอาจเห็นภาพบิดเบี้ยว แต่บางรายอาจไม่มีอาการเลยแม้จะมีเบาหวานขึ้นตาอย่างรุนแรงก็ตาม
จะทราบได้อย่างไรว่ามีเบาหวานขั้นตาหรือไม่
- ถ้าท่านเป็นเบาหวานและยังไม่ได้รับการตรวจตา ให้รีบไปพบจักษุแพทย์ทันที
- ถ้าตรวจพบว่าเบาหวานยังไม่ขึ้นตา ควรได้รับตรวจโดยจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- ถ้าตรวจพบว่าเบาหวานขึ้นตา รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที และตรวจตาอย่างน้อยทุก 3-6 เดือน ตามคำแนะนำของแพทย์
เบาหวานขึ้นตารักษาอย่างไร
ในรายที่จอประสาทตาบวมบริเวณจุดศูนย์การมองเห็นหรือรายที่มีเส้นเลือดฝอยงอกมาผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้รักษาโดยการใช้แสงเลเซอร์ ส่วนรายที่รุนแรงจนกระทั่งมีเลือดออกในตาหรือจอประสาทตาลอกจากพังผืดดึงรั้งอาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด นอกเหนือจากการรักษาที่ตาโดยตรงด้วยเลเซอร์หรือการผ่าตัดแล้ว ผู้ที่เป็นเบาหวานทุกท่านต้องพยายามควบคุมระดับน้ำตาล ตลอดจนระดับไขมันในเลือดและความดันโลหิต ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์ทันทีที่ทราบว่าเป็นเบาหวาน
ถ้าเป็นเบาหวานขึ้นตาแล้วไม่รักษา ส่วนมากจะสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร การรักษาจะช่วยลดโอกาสที่จะสูญเสียสายตาลงได้
ระยะของโรคเบาหวานขึ้นตา แบ่งออกเป็นกี่ระยะ?
โรคเบาหวานขึ้นตาแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้:
– ระยะที่ 1 : ระยะเริ่มต้น (Mild Nonproliferative Retinopathy): เป็นระยะที่หลอดเลือดในจอประสาทตาเริ่มมีความผิดปกติเล็กน้อย อาจมีจุดเลือดออกเล็กๆ แต่ยังไม่มีผลต่อการมองเห็น
– ระยะที่ 2 : ระยะปานกลาง (Moderate Nonproliferative Retinopathy): มีจุดเลือดออกและหลอดเลือดโป่งพองมากขึ้น อาจมีอาการมองเห็นไม่ชัดบ้าง
– ระยะที่ 3 : ระยะรุนแรง (Severe Nonproliferative Retinopathy): มีหลอดเลือดอุดตันมากขึ้น ทำให้จอประสาทตาขาดเลือด มีความเสี่ยงที่จะเกิดหลอดเลือดงอกใหม่
– ระยะที่ 4 : ระยะหลอดเลือดงอกใหม่ (Proliferative Diabetic Retinopathy): มีหลอดเลือดงอกใหม่เกิดขึ้นบนจอประสาทตาและน้ำวุ้นตา หลอดเลือดเหล่านี้เปราะบางและแตกง่าย ทำให้มีเลือดออกในน้ำวุ้นตา จอประสาทตาหลุดลอก และสูญเสียการมองเห็น
วิธีป้องกันและลดความเสี่ยงของเบาหวานขึ้นตา
วิธีป้องกันและลดความเสี่ยงของเบาหวานขึ้นตา สามารถทำได้โดย
– ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
– ควบคุมความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือด
– ตรวจตาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวานมานาน หรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
– รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
– ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
– งดสูบบุหรี่
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?
ควรพบแพทย์เมื่อมีอาการดังนี้
– เมื่อมีอาการมองเห็นผิดปกติ เช่น มองเห็นภาพซ้อน ภาพเบลอ หรือมีจุดดำลอยไปมา
– เมื่อเป็นเบาหวานและไม่เคยตรวจตามาก่อน
– เมื่อเป็นเบาหวานและมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดตา หรือตาแดง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเบาหวานขึ้นตา (FAQ)
อาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงเบาหวานขึ้นตามีอะไรบ้าง?
การเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงของเบาหวานขึ้นตานั้น ควรเน้นไปที่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และบำรุงสุขภาพดวงตาให้แข็งแรง โดยอาหารที่ควรรับประทาน ได้แก่ อาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผักและผลไม้ต่างๆ ธัญพืชเต็มเมล็ด และถั่วต่างๆ ซึ่งใยอาหารจะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูง นอกจากนี้ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันดี เช่น ปลาที่มีไขมันสูง อะโวคาโด และน้ำมันมะกอก ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตา และอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียวเข้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และไข่แดง ซึ่งช่วยปกป้องจอประสาทตาจากความเสียหาย รวมถึงอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อสุขภาพดวงตา เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และสังกะสี ในขณะเดียวกัน ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์สูง และอาหารที่มีโซเดียมสูง เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ การควบคุมปริมาณอาหารให้เหมาะสม ดื่มน้ำให้เพียงพอ และปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อขอคำแนะนำในการเลือกอาหารที่เหมาะสมกับตนเอง ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณรักษาสุขภาพดวงตาและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การฉีดยารักษาเบาหวานขึ้นตาเจ็บหรือไม่?
การฉีดยารักษาเบาหวานขึ้นตา หรือที่เรียกว่าการฉีดยาเข้าวุ้นตา (Intravitreal Injection) นั้น โดยทั่วไปแล้วจะไม่เจ็บมาก แต่ผู้ป่วยอาจรู้สึกไม่สบายตาเล็กน้อยในระหว่างการทำหัตถการ
เบาหวานขึ้นตาอันตรายแค่ไหน?
เบาหวานขึ้นตาเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายมากจากโรคเบาหวาน และเป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียการมองเห็นหรือตาบอดในผู้ใหญ่วัยทำงาน หากไม่ได้รับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ดังนี้:
– การสูญเสียการมองเห็น : เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน จะทำให้หลอดเลือดในจอประสาทตาเสียหาย ส่งผลให้เกิดการรั่วไหลของเลือดและของเหลว การอุดตันของหลอดเลือด และการสร้างหลอดเลือดใหม่ที่เปราะบาง ซึ่งอาจทำให้เกิดเลือดออกในน้ำวุ้นตา จอประสาทตาบวม จอประสาทตาหลุดลอก และในที่สุดนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็น
– ต้อหิน : หลอดเลือดใหม่ที่เกิดขึ้นในเบาหวานขึ้นตา อาจไปรบกวนการระบายน้ำออกจากลูกตา ทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้น และเกิดต้อหิน ซึ่งเป็นโรคที่ทำลายเส้นประสาทตาและนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้
– ต้อกระจก : ผู้ที่เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงที่จะเป็นต้อกระจกมากกว่าคนทั่วไป เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงจะทำให้เลนส์ตาขุ่นมัวและมองเห็นไม่ชัดเจน
ดังนั้น การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ การตรวจตาอย่างสม่ำเสมอ และการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันและชะลอการลุกลามของเบาหวานขึ้นตา
พบแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลสินแพทย์
ที่ โรงพยาบาลสินแพทย์ สาขาใกล้บ้านคุณ
(คลิก link เพื่อนัดพับแพทย์เฉพาะทาง)