สวนหัวใจขยายหลอดเลือด แนวทางวินิจฉัย รักษาโรคหัวใจอย่างแม่นยำ

26 พ.ย. 2567 | เขียนโดย โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา

หัวใจเป็นอวัยวะที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะเปรียบเสมือนเป็นศูนย์บัญชาการกลางของร่างกาย ในวันนี้จะมาแนะนำวิธีการวินิจฉัยโรคหัวใจด้วยการสวนหัวใจขยายหลอดเลือด



สวนหัวใจขยายหลอดเลือด แนวทางวินิจฉัย รักษาโรคหัวใจอย่างแม่นยำ

 

ถ้าเปรียบสมองเป็นเหมือนศูนย์บัญชาการที่สั่งการและบังคับการเคลื่อนไหว หัวใจก็คงจะเป็นเหมือนฝ่ายเสบียงที่มีหน้าที่หล่อเลี้ยงเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย พูดให้เป็นภาพง่ายขึ้น คือ กองทัพต้องเดินด้วยท้องยังไง สมองก็ยังคงต้องพึ่งพาหัวใจอย่างงั้น ดังนั้นเราจึงไม่ควรละเลยการดูแลหัวใจของตัวเราเอง ยิ่งในปัจจุบันการวินิจฉัยโรคมีความแม่นยำมากขึ้น ทำให้รู้เท่าทัน ยับยั้งโรคภัยต่าง ๆ ได้ทันเวลา ในบทความนี้จะมาพูดถึงการสวนหัวใจขยายหลอดเลือด ซึ่งเป็นทั้งการตรวจและการรักษาที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจโดยตรง โดยจะพาไปดูว่าวิธีการนี้สามารถรักษาโรคใดได้บ้าง

 

หลอดเลือดหัวใจ คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกับร่างกาย

หลอดเลือดหัวใจ คือ หลอดเลือดแดง ที่ทำหน้าที่ขนส่งเลือดที่เติมออกซิเจนแล้วไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ เนื่องจากหัวใจจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาออกซิเจนเหมือนกับอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย หากหลอดเลือดหัวใจมีความผิดปกติ มีการตีบและอุดตัน จะส่งผลให้ปริมาณออกซิเจนที่ส่งออกได้ก็จะลดลงไปด้วย ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับผลกระทบ รวมไปถึงประสิทธิภาพในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายก็เช่นเดียวกัน และการทำงานที่ไม่เสถียรนี้ จะส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ได้ในที่สุด

 

กลุ่มเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับหัวใจ มีใครบ้าง

กลุ่มเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ มีดังนี้

  • มีภาวะเครียด มีปัญหาด้านจิตใจ
  • มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ที่กำหนด
  • มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน และโรคไขมันในเลือดสูง
  • รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง กินหวาน กินเค็ม สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
  • ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรม คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้มาก่อน

การสวนหัวใจขยายหลอดเลือด คืออะไร

การสวนหัวใจขยายหลอดเลือด คือ การสอดสายที่มีขนาดประมาณ 2 มิล ผ่านไปยังหลอดเลือดแดง โดยทำการฉีดสารทึบรังสีเพื่อบันทึกภาพและตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือด ว่ามีอาการอุดตัน ตีบหรือไม่ ถ้ามีจะมีมากน้อยขนาดไหน สามารถตรวจการบีบตัว ความดันของหัวใจ และการรั่วของลิ้นหัวใจ 

 

หากพบความผิดปกติ เช่น หัวใจตีบแบบรุนแรงที่มากกว่า 70% แพทย์จะมีการพิจารณารักษาแบบขยายหลอดเลือดหัวใจโดยอาศัยบอลลูนขยายหลอดเลือดและใส่ขดลวดค้ำยันภายในหลอดเลือดตำแหน่งที่ตีบและอุดตัน เพื่อขยายหลอดเลือดและทำให้การไหลเวียนของเลือดกลับมาเป็นปกติ

 

การสวนหัวใจขยายหลอดเลือด ทำได้กี่จุด

การสวนหัวใจขยายหลอดเลือด ทำได้ 2 จุดคือบริเวณขาหนีบ และข้อมือ โดยแต่ละจุดมีความแตกต่างกัน

 

บริเวณขาหนีบ

บริเวณขาหนีบ จะใช้เวลาในการตรวจอยู่ที่ 30-60 นาที ไม่ต้องใช้ยาสลบ ไม่ต้องเย็บแผลหลังจากทำการสวนหัวใจ ผู้ป่วยจะต้องนอนราบเป็นเวลา 6-10 ชั่วโมง จึงจะสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อีกครั้ง

 

บริเวณข้อมือ

หากสวนหัวใจขยายหลอดเลือดที่บริเวณข้อมือ เมื่อผู้ป่วยทำหัตถการเรียบร้อยแล้วจะสามารถเคลื่อนไหวได้ทันที และใช้เวลาพักฟื้นเพียง 4-8 ชั่วโมง

 

การสวนหัวใจขยายหลอดเลือด มีขั้นตอนอย่างไร

การสวนหัวใจขยายหลอดเลือด มีขั้นตอนดังนี้

  1. ตรวจสุขภาพและเตรียมร่างกายให้พร้อม อาจจะมีการงดอาหารก่อนเข้าทำหัตถการ
  2. แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณที่สอดสายสวน เข้าไปในหลอดเลือดแดง เช่น ขาหนีบ หรือข้อมือ
  3. แพทย์จะสอดสายสวนขนาดเล็กเข้าไปในหลอดเลือดแดง จนถึงตำแหน่งที่หลอดเลือดหัวใจตีบ
  4. ฉีดสารทึบรังสีเข้าไปในหลอดเลือด เพื่อให้เห็นภาพหลอดเลือดหัวใจชัดเจนขึ้นผ่านเครื่องเอกซเรย์
  5. แพทย์จะนำบอลลูนขนาดเล็กที่ติดอยู่ปลายสายสวน เข้าไปที่ตำแหน่งที่หลอดเลือดตีบ แล้วขยายบอลลูนเพื่อดันผนังหลอดเลือดให้กว้างขึ้น
  6. หลังจากขยายหลอดเลือดแล้ว แพทย์อาจใส่ขดลวดที่ทำจากโลหะไว้ที่บริเวณที่ขยาย เพื่อป้องกันไม่ให้หลอดเลือดตีบแคบลงอีก
  7. เมื่อขั้นตอนเสร็จสิ้น แพทย์จะดึงสายสวนออก และกดที่บริเวณที่สอดสายสวนเพื่อห้ามเลือด
  8. ในกรณีทำที่ข้อมือผู้ป่วยจะต้องพักฟื้น 4-8 ชั่วโมง ส่วนในกรณีที่ทำบริเวณขาหนีบจะต้องพักฟื้น 6- 10 ชั่วโมง เพื่อสังเกตอาการ

 

สวนหัวใจขยายหลอดเลือด

ผลข้างเคียงจากการสวนหัวใจขยายหลอดเลือด มีอะไรบ้าง

ผลข้างเคียงจากการสวนหัวใจขยายหลอดเลือดที่พบได้บ่อย ๆ ได้แก่

  • มีอาการแพ้สารทึบรังสี 
  • ปวด บวม ช้ำ บริเวณจุดที่สอดสายสวน
  • พบเลือดไหลซึมบริเวณจุดสอดสายสวน
  • ติดเชื้อที่แผลที่สอดสายสวน
  • มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • มีลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดหัวใจและสมอง

 

ข้อจำกัด หรือข้อควรระวังในการสวนหัวใจขยายหลอดเลือด

ข้อควรระวังในการสวนหัวใจขยายหลอดเลือดแบ่งได้เป็น 3 ปัจจัยหลัก ๆ ประกอบไปด้วย

  • ความรุนแรงของโรค : หากหลอดเลือดหัวใจตีบหลายตำแหน่ง หรือมีการตีบแคบมาก อาจไม่สามารถทำการขยายหลอดเลือดได้ทั้งหมด หรืออาจต้องทำการรักษาเพิ่มเติม
  • สภาพร่างกายของผู้ป่วย : ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น โรคไตวาย โรคปอดเรื้อรัง หรือมีภาวะเลือดออกง่าย อาจมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน
  • ตำแหน่งของหลอดเลือด : หากหลอดเลือดที่ตีบอยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ยาก อาจทำให้การทำหัตถการมีความยากลำบากมากขึ้น

 

โรคหรือภาวะใดบ้างที่สามารถรักษาได้ด้วยเทคโนโลยีสวนหัวใจ

โรคหรือภาวะที่สามารถรักษาได้ด้วยเทคโนโลยีสวนหัวใจ มีดังนี้

 

โรคลิ้นหัวใจ

โรคลิ้นหัวใจเกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจ ทำให้การไหลเวียนเลือดผิดปกติ การรักษาโรคลิ้นหัวใจอาจต้องใช้วิธีการผ่าตัดหรือใส่ลิ้นหัวใจเทียม

 

โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ

 โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหัวใจเต้นผิดปกติ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น จุดกำเนิดไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือยาบางชนิด ซึ่งการรักษาขึ้นอยู่กับชนิดและสาเหตุของโรค

 

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นภาวะที่หลอดเลือดหัวใจค่อย ๆ แคบลง เนื่องจากมีไขมันไปเกาะที่ผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ไม่เพียงพอ ส่วนโรคหลอดเลือดหัวใจตัน เป็นภาวะที่หลอดเลือดหัวใจอุดตันกะทันหัน มักเกิดจากลิ่มเลือดไปอุดตันที่หลอดเลือด ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

 

ภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิด

ภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิด ยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด อาจจะมาจาพันธุกรรมหรือการติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น หัดเยอรมันขณะตั้งครรภ์ เป็นต้น

 

ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เกิดจากการที่ลิ่มเลือดไปอุดตันที่หลอดเลือดส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ปอด สมอง การรักษาขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของลิ่มเลือด

 

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เกิดจากการที่เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย ซึ่งการสวนหัวใจขยายหลอดเลือดสามารถช่วยเปิดหลอดเลือดที่ตีบตันได้ ทำให้เลือดไหลเวียนกลับมาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้อีกครั้ง

 

โรคหัวใจ พบแพทย์

สัญญาณเตือนใดบ้าง ที่ควรพบแพทย์ศูนย์หัวใจโดยด่วน

หากคุณมีอาการใดอาการหนึ่งต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ที่ศูนย์หัวใจโดยด่วน เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเกี่ยวกับหัวใจที่ร้ายแรงได้

  • เจ็บแน่นหน้าอก
  • นอนราบไม่ได้ เหนื่อยง่าย
  • ขาบวม เท้าบวม 
  • หายใจลำบาก มีอาการหอบเหนื่อย
  • ใจสั่น รู้สึกหัวใจเต้นเร็ว หรือช้าผิดปกติ
  • หน้ามืด วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน
  • เหงื่อออกมากผิดปกติ แม้กระทั่งตอนออกแรงน้อย หรือพักผ่อน

 

แพ็กเกจตรวจสุขภาพหัวใจ โรงพยาบาลสินแพทย์

แพ็กเกจตรวจสุขภาพหัวใจ โรงพยาบาลสินแพทย์ เช็กความแข็งแรงของหัวใจ สามารถจองคิวโปรแกรมตรวจสุขภาพหัวใจ โรงพยาบาลสินแพทย์ได้ โดยรายละเอียดแพ็กเกจมีดังนี้

  • ตรวจร่างกายโดยอายุรแพทย์
  • ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
  • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
  • ตรวจการทำงานของไต
  • ตรวจระดับไขมันในเลือด
  • ตรวจการทำงานของตับ
  • ตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะ
  • เอกซเรย์ทรวงอกเพื่อดูปอดและหัวใจ
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • ตรวจหาภาวะหลอดเลือดแข็งตัว
  • ตรวจวัดปริมาณแคลเซียม หรือคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ

ทั้งหมดอยู่ในราคาเพียง 8,700 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี และมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง เรื่องหัวใจ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ป้องกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพและอายุที่ยืนยาว

SHARE