กลาก…โรคผิวหนังจากเชื้อราที่รักษาได้ !?! (Ring worm)

30 ม.ค. 2568 | เขียนโดย โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา

โรคกลาก (Ring worm) เกิดจากการติดเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ (Dermatophyte) ซึ่งเจริญเติบโตอยู่ในบริเวณผิวหนังส่วนที่มีเคราติน เช่น ชั้นหนังกำพร้า เส้นผม เล็บ ติดต่อได้ง่ายจากการสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นโรคกลากหรือการใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย การสัมผัสกับเชื้อราที่อยู่ในดิน หรือการติดจากสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว ที่ป่วยเป็นโรค



โรคกลาก (Ring worm) เกิดจากอะไร ?

 

โรคกลาก (Ring worm) เกิดจากการติดเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ (Dermatophyte) ซึ่งเจริญเติบโตอยู่ในบริเวณผิวหนังส่วนที่มีเคราติน เช่น ชั้นหนังกำพร้า เส้นผม เล็บ ติดต่อได้ง่ายจากการสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นโรคกลากหรือการใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย การสัมผัสกับเชื้อราที่อยู่ในดิน หรือการติดจากสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว ที่ป่วยเป็นโรค

 

อาการของโรคกลากเป็นอย่างไร ?

โรคกลากก่อให้เกิดรอยโรคตามผิวหนังได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย ทั้งบริเวณผิวหนังทั่วไป บริเวณที่มีความอับชื้น เช่น ขาหนีบ รักแร้ ใต้ราวนม ไปจนถึงผม เล็บ ลักษณะของผื่นโรคกลากจะต่างกันออกไปในแต่ละตำแหน่งของร่างกาย

 

  • โรคกลากที่ศีรษะ (Tinea capitis) ทำให้มีผมร่วงเป็นหย่อมบริเวณผื่น เส้นผมเปราะหักง่าย ผื่นเป็นวงกลมมีขอบชัด หนังศีรษะมีขุย ตกสะเก็ด มีรังแค คันศีรษะ อาจมีต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอโต
  • โรคกลากที่ลำตัว (Tinea corporis) มักพบขึ้นตามลำตัว แขน ขา ระยะแรกจะเป็นตุ่มแดง แล้วลามออกไปเป็นวงที่มีขอบเขตชัดเจน ขอบนูนเล็กน้อยและมีสีแดง มักมีตุ่มน้ำใสหรือขุยขาวเล็กๆอยู่รอบวง วงจะลามขยายออกไปเรื่อยๆ อาจขึ้นเป็นวงติดกันหลายวง มักมีอาการคันเล็กน้อย
  • โรคกลากที่ใบหน้า (Tinea faciei) ผื่นจะเป็นวงขอบยกสีแดงลักษณะคล้ายกลากที่ลำตัว อาจมีขุยสีขาวบริเวณตรงกลางผื่น
  • โรคกลากที่เท้า (Tinea pedis) หรือที่เรียกว่า “น้ำกัดเท้า” พบได้ในคนที่เท้าอับชื้นเปียกน้ำบ่อย ผิวหนังที่อยู่ระหว่างง่ามนิ้วเท้าจะบวมแดงและมีขุยขาว ต่อมาจะลอกเป็นแผ่น ข้างใต้อาจมีน้ำเหลืองซึม มีกลิ่น เกิดรอยแตกตามส้นเท้า มักมีอาการคัน
  • โรคกลากที่มือ (Tinea manuum) มักเป็นที่มือข้างใดข้างหนึ่ง ลักษณะผื่นคล้ายโรคกลากที่เท้า ถ้าเป็นมากผิวอาจแฉะแดงเป็นแผลได้
  • โรคกลากที่เล็บ (Tinea unguium) เป็นได้ทั้งเล็บมือและเล็บเท้า ผิวเล็บจะด้าน ขรุขระ เล็บยุ่ยแตกหักง่าย ผิดรูปร่าง สีเล็บเปลี่ยนเป็นขาวขุ่น เหลือง หรือน้ำตาล ตัวเล็บอาจแยกออกจากผิวหนังใต้เล็บ
  • โรคกลากที่ขาหนีบ (Tinea cruris) หรือที่เรียกว่า “สังคัง” ในระยะแรกจะเป็นตุ่มแดงที่ต้นขาหรือขาหนีบ จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นวงสีแดงมีเกล็ดขาวขอบชัดเจน ลามไปที่ต้นขาด้านใน อวัยวะเพศ หรือก้น มีอาการคัน มักเป็นทั้งสองข้าง

 

โรคกลากรักษาอย่างไร ?

  1. ยาทาเฉพาะที่ ใช้ในการรักษากลากที่ลำตัว ขาหนีบ มือ เท้า อาจใช้ขี้ผึ้ง (Whitfield’s ointment) หรือ ครีมทารักษาเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) โคลไตรมาโซล (Clotrimazole) ไมโคนาโซล (Miconazole) โดยทาบริเวณผื่นวันละ 2-3 ครั้ง ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2-8 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นซ้ำ
  2. ยารับประทาน เช่น ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) กริซีโอฟูลวิน (Griseofulvin) เทอร์บินาฟีน (Terbinafine) ใช้ในผู้ป่วยที่เป็นๆหายๆเรื้อรัง กลากที่มีบริเวณกว้าง กลากที่ศีรษะ และกลากที่เล็บ ระยะเวลาที่รับประทานอาจใช้เวลานานเป็นสัปดาห์ถึงหลายเดือนขึ้นกับความรุนแรงและตำแหน่งที่เป็น

 

โรคกลากป้องกันได้อย่างไร ?

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใช้ของใช้ร่วมกับผู้ที่เป็นโรคกลาก
  • รักษาความสะอาดของร่างกาย อาบน้ำให้สะอาดและเช็ดตัวให้แห้ง
  • ไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาหรืออับชื้น ไม่ใส่ถุงเท้าและรองเท้าที่เปียกหรืออับชื้น
  • หลีกเลี่ยงสภาพอากาศร้อนชื้น ป้องกันไม่ให้เกิดความอับชื้นในบริเวณต่างๆของร่างกาย
  • ล้างมือบ่อยๆ ตัดเล็บมือเล็บเท้าให้สั้นอยู่เสมอ
  • สวมใส่รองเท้าเมื่อเดินในห้องน้ำหรือสถานที่สาธารณะ
  • ทำความสะอาดห้องน้ำ อ่างล้างหน้า อุปกรณ์ที่ต้องใช้ร่วมกับผู้อื่น อยู่เสมอ
SHARE