ไฟโบรสแกน เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ตรวจหาภาวะพังผืดในเนื้อตับและตรวจวัดปริมาณไขมันสะสมในเนื้อตับ เครื่องไฟโบรสแกนจะทำงานโดยการปล่อยคลื่นความถี่ต่ำเข้าไปในเนื้อตับและตรวจวัดความเร็วของคลื่นเสียงที่สะท้อนกลับมาเพื่อประเมินค่าความแข็งของเนื้อตับ และสามารถวัดปริมาณไขมันสะสมในตับโดยการวัดความต้านทานหลังปล่อยคลื่นเสียงความถี่ต่ำเข้าไปในตับ หากตับมีปริมาณไขมันสะสมมากก็จะมีแรงต้านทานมาก
มารู้จักกับ “ไฟโบรสแกน (Fibroscan)” เทคโนโลยีตรวจตับแบบใหม่ !!!
ไฟโบรสแกน (Fibroscan) คืออะไร ?
ไฟโบรสแกน เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ตรวจหาภาวะพังผืดในเนื้อตับและตรวจวัดปริมาณไขมันสะสมในเนื้อตับ เครื่องไฟโบรสแกนจะทำงานโดยการปล่อยคลื่นความถี่ต่ำเข้าไปในเนื้อตับและตรวจวัดความเร็วของคลื่นเสียงที่สะท้อนกลับมาเพื่อประเมินค่าความแข็งของเนื้อตับ และสามารถวัดปริมาณไขมันสะสมในตับโดยการวัดความต้านทานหลังปล่อยคลื่นเสียงความถี่ต่ำเข้าไปในตับ หากตับมีปริมาณไขมันสะสมมากก็จะมีแรงต้านทานมาก
การตรวจไฟโบรสแกน มีประโยชน์อย่างไร?
ไฟโบรสแกนใช้ตรวจเพื่อดูสภาพการเกิดพังผืดในเนื้อตับของผู้ป่วยโรคตับเรื้อรังและใช้ประเมินปริมาณไขมันสะสมในตับในผู้ป่วยที่มีโรคไขมันเกาะตับ ผลตรวจไฟโบรสแกนสามารถช่วยในการติดตามการดำเนินโรค ประเมินความรุนแรงของภาวะตับแข็ง ติดตามผลการรักษา และวางแผนการรักษา
ใครบ้างควรตรวจไฟโบรสแกน ?
- ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรังจากสาเหตุต่างๆ
- ผู้ที่มีภาวะไขมันเกาะตับ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคอ้วนลงพุง
- ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซีเรื้อรัง
- ผู้ที่ดื่มสุราเรื้อรัง
- ผู้ที่ทานยาหรือสมุนไพรติดต่อกันเป็นเวลานาน
การตรวจไฟโบรสแกนเจ็บหรือไม่ ?
การตรวจไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด บาดแผล หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงใดๆ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ขณะตรวจอาจรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนผิวหนังบริเวณที่ตรวจบ้าง
ก่อนตรวจไฟโบรสแกน ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
ผู้ที่ต้องการตรวจไฟโบรสแกนควรงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนการตรวจ
การตรวจไฟโบรสแกนมีข้อจำกัดอะไรบ้าง ?
- ไม่สามารถทำการตรวจในผู้ป่วยที่อ้วนมากๆ หรือผู้ที่มีน้ำในช่องท้อง เพราะสัญญาณอาจไปไม่ถึงเนื้อตับ
- ไม่สามารถตรวจหาก้อนเนื้องอกหรือมะเร็งในตับได้
- ไม่ควรใช้กับหญิงที่ตั้งครรภ์
- ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่ติดเครื่องกระตุ้นหัวใจ
- ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
- ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งระยะลุกลาม