โรคไหลตาย หรือ ภาวะเสียชีวิตฉับพลันโดยไม่ทราบสาเหตุขณะหลับ (SUDS : sudden unexpected death syndrome) สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าในหัวใจทำให้เกิดภาวะหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะ พบว่ามีความสัมพันธ์กับกลุ่มโรคทางพันธุกรรมชนิดต่างๆ เช่น กลุ่มอาการบรูกาดา (Brugada Syndrome), Long QT syndrome ในประเทศไทยโรคนี้พบได้บ่อยในผู้ชายภาคอีสานอายุประมาณ 25-50 ปี พบได้แม้ในคนที่แข็งแรงดีไม่เคยตรวจพบโรคประจำตัวใดๆมาก่อน
โรคไหลตาย เกิดจากอะไร ?
โรคไหลตาย หรือ ภาวะเสียชีวิตฉับพลันโดยไม่ทราบสาเหตุขณะหลับ (SUDS : sudden unexpected death syndrome) สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าในหัวใจทำให้เกิดภาวะหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะ พบว่ามีความสัมพันธ์กับกลุ่มโรคทางพันธุกรรมชนิดต่างๆ เช่น กลุ่มอาการบรูกาดา (Brugada Syndrome), Long QT syndrome ในประเทศไทยโรคนี้พบได้บ่อยในผู้ชายภาคอีสานอายุประมาณ 25-50 ปี พบได้แม้ในคนที่แข็งแรงดีไม่เคยตรวจพบโรคประจำตัวใดๆมาก่อน
อาการของโรคไหลตาย
ผู้ป่วยโรคไหลตายมักจะเสียชีวิตฉับพลันขณะหลับในเวลากลางคืนโดยไม่ทันทราบว่าตนเองมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น แต่หากผู้ป่วยยังรู้สึกตัวหรือญาติพบเห็นอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ ควรรีบตามรถพยาบาลและนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
- อึดอัด หายใจลำบาก หายใจเสียงดัง
- แน่นหน้าอก ใจสั่น
- แขนขาเกร็ง ชัก
- ริมฝีปากเขียวคล้ำ
- อาจมีปัสสาวะและอุจจาระราด
ใครที่มีความเสี่ยงเป็นโรคไหลตาย ?
- เคยรอดชีวิตจากการไหลตายมาก่อน
- ตรวจพบคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติชนิดบรูกาดา
- มีประวัติคนในครอบครัวเสียชีวิตฉับพลันหรือมีประวัติโรคไหลตายในครอบครัว
การตรวจหาความเสี่ยงในการเป็นโรคไหลตาย
- ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคไหลตายหรือเคยมีอาการที่บ่งชี้ว่ามีโอกาสเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรพบแพทย์แพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมว่ามีโอกาสเป็นโรคไหลตายหรือไม่ โดยวิธีการตรวจวินิจฉัยดังนี้
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อดูลักษณะคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่บ่งชี้กลุ่มอาการบรูกาดา - การตรวจทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ เป็นการใส่สายสวนผ่านทางเส้นเลือดดำบริเวณขาหนีบเข้าไปที่หัวใจ แล้วใช้สัญญาณไฟฟ้าวิเคราะห์ลักษณะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ
- การตรวจเลือดหารหัสพันธุกรรมที่บ่งชี้ความเสี่ยงในการเกิดโรคไหลตาย เช่น การกลายพันธุ์ในยีน SCN5A
การรักษาโรคไหลตาย
- การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้า (Implantable Cardioverter Defibrillator: ICD) โดยฝังเครื่องไว้บริเวณหน้าอกด้านซ้าย เมื่อมีหัวใจเต้นผิดจังหวะเกิดขึ้นเครื่องจะส่งกระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นให้หัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ
- การจี้หัวใจด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency Ablation: RFA) โดยการใส่สายสวนหัวใจเข้าไปแล้วใช้ความร้อนจี้ตรงที่มีปัญหาเพื่อลดโอกาสการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- การใช้ยา อาจใช้เป็นการรักษาเสริมหลังผู้ป่วยผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจแล้ว
ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคหัวใจได้ที่ ศูนย์หัวใจ หรือ ศูนย์หัวใจล้มเหลว ที่ โรงพยาบาลสินแพทย์ สาขาใกล้บ้านคุณ