โรคเชื้อราที่เล็บ (onychomycosis) เกิดจากการติดเชื้อในกลุ่มรา เช่น กลากแท้ กลากเทียม ยีสต์ ที่บริเวณเล็บ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่เล็บเท้ามากกว่าเล็บมือเนื่องจากเป็นตำแหน่งที่สกปรกและอับชื้นได้ง่ายกว่ากว่า
เชื้อราที่เล็บเกิดจากอะไร ?
โรคเชื้อราที่เล็บ (onychomycosis) เกิดจากการติดเชื้อในกลุ่มรา เช่น กลากแท้ กลากเทียม ยีสต์ ที่บริเวณเล็บ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่เล็บเท้ามากกว่าเล็บมือเนื่องจากเป็นตำแหน่งที่สกปรกและอับชื้นได้ง่ายกว่ากว่า
ปัจจัยเสี่ยงของการเป็นเชื้อราที่เล็บ
- การที่เท้าอับชื้นเป็นเวลานาน
- การเดินลุยน้ำบ่อยๆ
- มีแผลบริเวณรอบเล็บ
- การติดเชื้อราบริวณผิวหนังที่เท้าแล้วไม่ได้รับการรักษา
- ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่ต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน
- การสูบบุหรี่
อาการของโรคเชื้อราที่เล็บ
- เล็บมีสีเปลี่ยนไป เริ่มจากเห็นเป็นจุดสีเหลืองหรือขาวบริเวณปลายเล็บ แล้วขยายใหญ่ขึ้นจนเล็บเปลี่ยนสีชัดเจน
- เล็บหนาตัวขึ้น เล็บผิดรูป เปราะหักง่าย
- มีขุยหนาใต้เล็บ มีช่องว่างใต้เล็บหรือเล็บแยกตัวออกจากฐานเล็บ
- กดเจ็บบริเวณที่เป็นเชื้อรา
- ผิวหนังบริเวณเล็บที่ปกติและรอบๆมีอาการอักเสบบวมแดง
เชื้อราที่เล็บรักษาอย่างไร ?
เชื้อราที่เล็บเป็นโรคที่ต้องรักษาเป็นระยะเวลานาน อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์จนถึงเป็นปี และสามารถกลับมาเป็นซ้ำใหม่ได้ อย่างไรก็ตามสามารถรักษาให้หายได้ถ้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง โดยการรักษามีหลายวิธี ดังนี้
- การรับประทานยาต้านเชื้อรา สามารถรักษาเชื้อราที่เล็บได้ แต่จำเป็นต้องรับประทานยาต่อเนื่องหลายเดือนและต้องเฝ้าระวังผลข้างเคียงจากยา
- การใช้ยาเฉพาะที่ เช่น ยาน้ำหรือยาทาเคลือบเล็บ
- การรักษาอื่นๆ เช่น การถอดเล็บในกรณีที่มีอาการรุนแรง การรักษาด้วยเลเซอร์
เชื้อราที่เล็บป้องกันอย่างไร ?
- รักษาความสะอาดของมือและเท้า
- หลีกเลี่ยงไม่ให้มือเท้าเปียกชื้น
- เลือกถุงเท้า รองเท้าที่มีขนาดเหมาะสม ไม่คับจนเกินไป สะอาด มีการระบายอากาศที่ดี
- ดูแลเล็บให้สั้นและสะอาดเสมอ
- หลีกเลี่ยงการใช้ถุงเท้า รองเท้า กรรไกรตัดเล็บ ร่วมกับผู้อื่น
- หมั่นสังเกตุผื่นและแผลที่เท้าสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน ถ้ามีความผิดปกติควรรีบรักษา