อาหารมีส่วนสำคัญมากในการเจริญเติบโตของร่างกายซึ่งรวมถึงกระดูก สารอาหารที่สร้างเสริมกระดูกจึงมีความสำคัญต่อความสูง ส่วนประกอบสำคัญของกระดูก เช่น แคลเซียม วิตามินดี โปรตีน สังกะสี
อาหารมีส่วนสำคัญมากในการเจริญเติบโตของร่างกายซึ่งรวมถึงกระดูก สารอาหารที่สร้างเสริมกระดูกจึงมีความสำคัญต่อความสูง ส่วนประกอบสำคัญของกระดูก เช่น แคลเซียม วิตามินดี โปรตีน สังกะสี
แคลเซียม
แคลเซียม มีความสำคัญมากต่อมวลกระดูกและการขยายตัวของกระดูก โดยเฉพาะในวัยเด็กที่กำลังเจริญเติบโต และมีความสำคัญมากขึ้นในวัยรุ่นที่เริ่มมีช่วงโตเร็ว (growth spurt) อายุเฉลี่ยที่มีการสะสมแคลเซียมในอัตราสูงสุด คือ 14 ปี ในเพศชาย และ 12.5 ปี ในเพศหญิง โดยแคลเซียมที่รับประทานเข้าไปจะดูดซึมได้เพียงร้อยละ 30 ดังนั้น เด็กควรรับประทานแคลเซียมให้เพียงพอกับความต้องการในแต่ละวัน ดังนี้
- เด็กอายุ 6 เดือนแรก ควรรับประทานแคลเซียม 400 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กอายุ 6 เดือน – 1 ปี ควรรับประทานแคลเซียม 600 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กอายุ 1-3 ปี ควรรับประทานแคลเซียม 700 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กอายุ 4-8 ปี ควรรับประทานแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กอายุ 9-18 ปี ควรรับประทานแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัม/วัน
อาหารที่มีแคลเซียมปริมาณมากและดูดซึมได้ดีที่สุด
คือ นมและผลิตภัณฑ์จากนม อาหารอื่นๆ ที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ กุ้งแห้ง ปลาตัวเล็กๆที่กินทั้งก้าง เต้าหู้ ผักที่มีแคลเซียมสูง เช่น ตำลึง ผักกระเฉด ขี้เหล็ก ดอกแค สะเดา
เด็กที่รับประทานแคลเซียมไม่เพียงพอ
ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อประเมินปริมาณแคลเซียมที่ได้รับในแต่ละวันและพิจารณาเรื่องการรับประทานแคลเซียมเสริม
วิตามินดี
ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสจากอาหาร ช่วยในการเจริญเติบโต และยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์อันเป็นสาเหตุให้เกิดการสลายกระดูก หากขาดวิตามินดีจะส่งผลให้การดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสในทางเดินอาหารลดลง มวลกระดูกลดลง เด็กที่ขาดวิตามินดีรุนแรงอาจทำให้เป็นโรคกระดูกอ่อน (Rickets) ซึ่งจะทำให้ตัวเตี้ยและขาโก่งได้
เราสามารถวินิจฉัยภาวะขาดวิตามินดีได้จาก
การวัดระดับค่า 25-hydroxy-vitamin D ในเลือด โดยค่าปกติมากกว่า 30 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร
การป้องกันการขาดวิตามินดี
ทำได้โดยการพยายามทำกิจกรรมที่ได้รับแสงแดด แสงแดดจะช่วยเปลี่ยนคอเลสเตอรอลในร่างกายไปเป็นวิตามินดี การรับประทานอาหารที่ให้ปริมาณวิตามินดีสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล น้ำมันตับปลา ไข่แดง นม
เด็กที่มีความเสี่ยงต่อภาวะขาดวิตามินดี ได้แก่
- เด็กทารกที่ได้รับนมแม่อย่างเดียว
- รับประทานอาหารที่มีวิตามินดีไม่เพียงพอ
- ไม่โดนแดด
- การดูดซึมวิตามินดีผิดปกติจากโรคท่อน้ำดีตีบตันของตับอ่อน
- โรคตับเรื้อรัง
- รับประทานยาที่ทำให้มีการสลายของวิตามินดีเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยากันชัก ยาวัณโรค isoniazidrifam- picin
การรับประทานวิตามินดีเสริม
ในกรณีที่มีภาวะขาดวิตามินดีควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกใช้ชนิดและปริมาณของวิตามินดีตามความเหมาะสมของรายบุคคลแต่ละราย และทำการตรวจติดตามระดับวิตามินดีในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
โปรตีน
การกินอาหารที่มีโปรตีนและพลังงานเพียงพอมีความสำคัญต่อการขยายตัวของกระดูก เด็กที่เป็นโรคขาดอาหาร (protein energy malnutrition) จะมีความสูงและน้ำหนักน้อยกว่าปกติ กระดูกบางกว่าปกติ เด็กที่ขาดโปรตีน ระดับฮอร์โมน IGF-1 จะต่ำลง ฮอร์โมน IGF-1 มีความสำคัญต่อการขยายตัวและแบ่งตัวของเซลล์กระดูกบริเวณส่วนปลายของกระดูกยาว ดังนั้นโปรตีนที่เพียงพอจึงมีความจำเป็นต่อการเติบโตของกระดูก
สังกะสี
เป็นแร่ธาตุที่มีผลต่อการสร้างและการเจริญเติบโตของกระดูก เด็กที่ขาดแร่ธาตุสังกะสีจะทำให้การเจริญเติบโตลดลง เบื่ออาหาร อาจมีผมร่วง หรือผื่นผิวหนังอักเสบเรื้อรัง พบมากในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อแดง ไข่แดง ตับ เนย หอยนางรม