ปวดท้องแบบไหน ที่บ่งบอกว่าคุณอาจเป็นนิ่วในถุงน้ำดี

15 ม.ค. 2568 | เขียนโดย โรงพยาบาลสินแพทย์ เทพารักษ์

ปวดท้องแบบไหน ที่บ่งบอกว่าคุณอาจเป็นนิ่วในถุงน้ำดี

อาการปวดท้องที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม และละเลยสุขภาพของตนเอง เพราะคิดว่าใช้เวลาสักพักอาการปวดก็จะหายไป หรือเพียงแค่รักษาอาการด้วยการไปร้านขายยาก็คงจะดีขึ้น แต่หารู้ไม่เพียงแค่อาการปวดเล็กน้อยในครั้งนั้น อาจนำไปสู่สาเหตุของการเกิดโรคที่รุนแรงและบั่นทอนสุขภาพร่างกายโดยรวมให้เสื่อมถอยได้ 

โดยทั่วไปอาการปวดท้องนั้นอาจเป็นสัญญาณของการเกิดโรคกระเพาะ ในขณะเดียวกันก็มีสิทธิ์เป็นอะไรร้ายแรง เช่น โรคนิ่วในถุงน้ำดี วันนี้สินแพทย์ เทพารักษ์ จะพาทุกคนไปสังเกตอาการเบื้องต้น เพื่อการป้องกันความรุนแรงของโรค และแยกระหว่างกระเพาะกับนิ่วในถุงน้ำดีได้อย่างตรงจุด

 

ความแตกต่างระหว่างโรคกระเพาะกับนิ่วในถุงน้ำดี

ความแตกต่างระหว่างของโรคกระเพาะกับนิ่วในถุงน้ำดี มีดังนี้

 

โรคกระเพาะ

ลักษณะของโรคกระเพาะ มักมีอาการปวดแสบ แน่นท้อง บางครั้งอาจมีอาการท้องอืดร่วมด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะปวดในช่วงเวลาก่อนและหลังการรับประทานอาหาร

 

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะ อาจเกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานข้าวไม่ตรงเวลา การดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งความเครียดที่สามารถนำไปสู่การเกิดโรคได้

 

วิธีวินิจฉัย

วิธีการวินิจฉัย แพทย์จะทำการซักประวัติของผู้ป่วยโดยละเอียด และพิจารณาวิธีการตรวจโรคตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการส่องกล้อง การตรวจเลือด หรือการตัดชิ้นเนื้อเพื่อวิเคราะห์ความผิดปกติของโรค

 

การรักษา

การรักษาโรคกระเพาะ สามารถเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ตรงตามเวลา การผ่อนคลายความเครียด ร่วมกั[การใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์

 

 

อาการนิ่วในถุงน้ำดี

นิ่วในถุงน้ำดี

โรคนิ่วในถุงน้ำดี เกิดจากการสะสมของสารบิลิรูบินที่อยู่ภายในร่างกาย รวมทั้งปริมาณของคอเลสเตอรอลที่มีความเข้มข้นสูง ทำให้มีการตกผลึกภายในถุงน้ำดี ลักษณะของก้อนนิ่ว มีลักษณะในขนาดที่เป็นผงเล็ก ๆ ไปจนถึงก้อนขนาดใหญ่เท่าลูกปิงปอง และสามารถมีจำนวนตั้งแต่หนึ่งก้อนไปจนถึงจำนวนหลายร้อยก้อน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวด เสียด ตลอดจนอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และมีอาการปวดร้าวไปที่บริเวณสะบักหลัง

 

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดก้อนนิ่ว เกิดจากถุงน้ำดีมีระดับคอลเลสเตอรอลสูง รวมทั้งภาวะน้ำหนักเกิน

 

วิธีวินิจฉัย

การตรวจวินิจฉัย แพทย์จะทำการซักประวัติของผู้ป่วยโดยละเอียด  หากสงสัยว่าเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี แพทย์จะทำการอัลตราซาวน์บริเวณช่องท้องส่วนบน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เห็นจำนวนก้อนนิ่วได้อย่างชัดเจน

 

การรักษา

วิธีการรักษา สามารถทำได้ด้วยการผ่าตัด ดังนี้

  • การผ่าตัดโดยส่องกล้อง เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง พร้อมทั้งมีแผลผ่าตัดขนาดเล็ก และลดความเสี่ยงในการเกิดผลกระทบต่ออวัยวะอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี
  • การผ่าตัดด้วยวิธีเปิดหน้าท้อง เป็นการผ่าตัดที่บริเวณชายโครงด้านขวา มักใช้วิธีนี้กับผู้ที่มีอาการของโรครุนแรง และเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน

 

รักษานิ่วในถุงน้ำดี

วิธีสังเกตอาการเบื้องต้น

คือสังเกตอาการของโรคเบื้องต้น ประกอบด้วย

 

ตำแหน่งปวด

ตำแหน่งที่มักมีอาการปวด จะอยู่บริเวณใต้ลิ้นปี่หรือบริเวณใต้ชายโครงทางด้านขวาของร่างกาย

 

ลักษณะปวด

ลักษณะของอาการปวด มักมีอาการจุกเสียด แน่นท้อง และมีลมภายในช่องท้อง บางครั้งอาจทำให้รู้สึกปวดร้าวไปยังบริเวณสะบักหลังได้

 

ระยะเวลาที่ปวด

ระยะเวลาที่ทำให้เกิดอาการปวด มักเกิดขึ้นหลังจากการรับประทานอาหาร อาจมีอาการปวดทุก 30 นาที – 1 ชั่วโมง และบางครั้งอาการปวดอาจกำเริบขึ้นในช่วงเวลากลางคืนในระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง

 

ปัจจัยกระตุ้น

ปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ เกิดได้จากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอล และไขมันสูงในปริมาณมาก เพราะเป็นการส่งผลให้เกิดการสะสมและเกิดการตกตะกอนภายในถุงน้ำดีเพิ่มมากขึ้น

 

อาการอื่น ๆ

นอกเหนือจากอาการแน่นท้อง ปวดท้อง ในบางครั้งผู้ป่วยอาจมีอาการแทรกซ้อนที่ส่งผลต่อระบบร่างกายส่วนอื่น ๆ เช่น 

  • ถุงน้ำดีอักเสบ จะทำให้ผู้ป่วยปวดท้องขั้นรุนแรง รู้สึกเจ็บเมื่อกดหน้าท้องบริเวณถุงน้ำดี รวมทั้งเกิดอาการหนาวสั่น เป็นไข้ได้
  • ตับและตับอ่อนอักเสบ จะทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะดีซ่าน มีอาการตัวเหลือง 
  • หากก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่ อาจเพิ่มความเสี่ยงสูงในการเป็นมะเร็งในถุงน้ำดี

 

ปวดท้องแบบไหน ต้องรีบมาพบแพทย์โดยด่วน

แม้อาการเริ่มต้นของโรคจะยังไม่รุนแรงมาก แต่เมื่อใดที่อาการปวดท้อง แน่นท้อง ตลอดจนท้องอืดท้องเฟ้อเกิดขึ้นบ่อย และระดับความรุนแรงของอาการเพิ่มขึ้นทุกครั้ง รวมด้วยอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น เป็นไข้ หนาวสั่น และอาการปวดร้าวไปยังบริเวณหลัง ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อการรักษาได้อย่างทันท่วงที

 

สรุป

หากมีอาการปวดท้องบ่อย ๆ พร้อมทั้งมีอาการที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกครั้ง อาจมีความเสี่ยงในการมีก้อนนิ่วภายในถุงน้ำดี ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจโดยละเอียด และทำการรักษาอาการตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เมื่ออ่านบทความมาถึงส่วนนี้ หวังว่าทุกคนจะมีความรู้ ความเข้าใจถึงวิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นนิ่วในถุงน้ำดี  และหากคุณกำลังสงสัยในอาการของตนเอง สามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพได้ที่สินแพทย์ ลำลูกกาด้วยการบริการจากทีมศัลยแพทย์ชำนาญการ  พร้อมด้วยเครื่องมือ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย

 

 

 

 

SHARE