อาการปวดศีรษะ เป็นอาการแสดงของโรคไม่ใช่ตัวโรคเอง มีโรคอยู่หลายอย่างตั้งแต่ โรคที่เป็นอันตรายรุนแรง อย่างโรคเนื้องอกในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคไม่รุนแรง เช่น ปวดศีรษะจากความเครียดก็ได้ครับ
Q: โรคปวดศีรษะเกิดได้จากสาเหตุอะไรบ้างครับ?
A: อาการปวดศีรษะ เป็นอาการแสดงของโรคไม่ใช่ตัวโรคเอง มีโรคอยู่หลายอย่างตั้งแต่โรคที่เป็นอันตรายรุนแรง
อย่างโรคเนื้องอกในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคไม่รุนแรง เช่น ปวดศีรษะจากความเครียดก็ได้ครับ
Q: ถ้าอย่างนั้นเราจะทราบได้อย่างไร ว่าเราปวดศีรษะจากอะไรครับ?
A: โดยทั่วไปเรามักแบ่งโรคปวดศีรษะ ออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มที่มีรอยโรคอยู่ในสมองและศีรษะจริง ซึ่งเป็นอันตรายรุนแรงได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา โดยอาจเกิดอันตรายรุนแรงถึงชีวิตได้ เช่น โรคเนื้องอกในสมอง, หลอดเลือดสมองโป่งพอง, เลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง, เลือดคั่งในสมอง และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่ไม่ได้มีรอยโรคในสมอง หรือเยื่อหุ้มสมองเลย แต่เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะเอง เช่น โรคไมเกรน, ปวดศีรษะจากความเครียด, ปวดศีรษะจากเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ, ปวดศีรษะจากเส้นประสาทใบหน้าอักเสบ
Q: คุณหมอครับ แล้วเราจะแยกได้อย่างไรล่ะครับว่าเราปวดศีรษะจากสาเหตุใน กลุ่มที่ 1 หรือกลุ่มที่ 2 ครับ?
A: เป็นคำถามที่ดีมากครับ อาการปวดศีรษะในกลุ่มที่ 1 หรือกลุ่มที่มีรอยโรคในสมอง และมักเป็นอันตราย จะมีลักษณะ
อาการปวดศีรษะ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างในนี้ครับ
- ปวดทันทีและรุนแรงมาก
- ปวดมากแบบที่ไม่เคยปวดมาก่อนเลยในชีวิต
- ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลาหลายวัน หรือหลายสัปดาห์ โดยไม่มีช่วงหายดีเลย
- ปวดแบบใหม่ ซึ่งไม่เหมือนกับที่เคยปวดมาเป็นประจำ
- ปวดรุนแรง พร้อมกับมีอาการคอแข็ง หรืออาเจียนมาก
- ปวด พร้อมกับมีอาการอ่อนแรง มองเห็นภาพซ้อน ตามัว ซึมลง สับสน ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด หรือหมดสติ
- ปวดเมื่อ ไอ จาม หรือ เบ่งถ่ายอุจจาระจะยิ่งทวีความปวดขึ้น
- ปวดครั้งแรก เมื่ออายุมากกว่า 50ปี โดยไม่ได้มีโรคปวดหัวใด ๆ มาก่อน
Q: ในปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีในการตรวจหาสาเหตุของอาการปวดศีรษะ อย่างไรบ้างครับ?
A: การตรวจเหล่านี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้เลือกให้เหมาะสมกับอาการของโรคที่เราสงสัย และลักษณะของผู้ป่วย
เช่น ถ้าสงสัยภาวะเลือดคั่งในสมอง หรือเส้นโลหิตในสมองแตก ควรตรวจด้วยเครื่องเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เนื่องจากเป็นภาวะฉุกเฉิน เครื่องนี้จะตรวจได้ไว และไม่จำเป็นต้องเตรียมการตรวจซับซ้อน ถ้าสงสัยหลอดเลือดขอดในสมอง, เนื้องอกในสมอง อาจต้องทำการตรวจด้วย เครื่องสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) โดย MRI-Scan หรือ MRA-Scan เพื่อดูอย่างละเอียดทั้งในส่วนของสมองและหลอดเลือด ถ้าสงสัยภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเลือดออกซึมในขั้นเยื่อหุ้มสมอง นอกจากการตรวจ CT-Scan หรือ MRI-Scan แล้ว แพทย์จำเป็นต้องเจาะตรวจน้ำไขสันหลังเพื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการอย่างละเอียดต่อไปด้วยครับ
Q: คุณหมอมีอะไรฝากถึงคนที่มีอาการปวดศีรษะบ้างครับ?
A: หากมีอาการปวดที่ชวนสงสัยโรคทางสมองที่กล่าวมาแล้ว ควรรีบพบแพทย์ หรือหากมีอาการไม่เหมือนข้อใดเลย แล้วรักษาไม่หาย ปวดศีรษะอยู่นาน ก็ควรพบแพทย์เพื่อปรึกษาการใช้ยาที่ถูกต้อง ลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงจากการกินยาด้วยครับ อย่าลืมว่าโรคปวดศีรษะต้องรักษาที่ต้นเหตุของโรค ไม่ใช่ใช้เพียงยาแก้ปวดเท่านั้นนะครับ
พบแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์อายุรกรรมระบบประสาทและสมอง
ที่ โรงพยาบาลสินแพทย์ สาขาใกล้บ้านคุณ
(คลิก link เพื่อนัดพับแพทย์เฉพาะทาง)