หายใจลำบาก แน่นหน้าอก อาจเสี่ยง “หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน”

3 March 2025 | 作者 โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา

หายใจลำบาก แน่นหน้าอก อาจเสี่ยง “หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน”

อาการหายใจลำบาก เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก จะมีสาเหตุมาจากหลาย ๆ ปัจจัย ซึ่งหนึ่งในภัยเงียบที่เป็นโรคอันตรายและคนส่วนใหญ่มักจะนึกไม่ค่อยถึง คือ “หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน” แม้ว่าจะเป็นโรคที่ไม่มีใครอยากเป็น แต่ความจริงแล้ว ณ​ ปัจจุบัน โรคนี้ได้รับการยืนยันปริมาณผู้ป่วยสูงขึ้นเรื่อย ๆ สินแพทย์ รามอินทรา เราตั้งใจไว้แล้วว่าเมื่อใครที่เข้ามาเห็นบทความของเรา จะต้องปิดหน้าต่างไปพร้อมความรู้ และกลับมาดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ในวันนี้จึงจะพามาดูว่าสาเหตุจริง ๆ แล้ว โรคนี้มีสาเหตุมาจากอะไร อาการแบบไหน สัญญาณใดที่ต้องไปพบแพทย์ โรคอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาหัวใจล้มเหลวแบบเฉียบพลัน พร้อมวิธีดูแลตัวเองให้ร่างกายแข็งแรง

 

หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เกิดจากอะไร

อย่างที่บอกว่าหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งเส้นเลือดหัวใจตีบ การเกิดภาวะ Heart Attack บ่อย ๆ คือ สาเหตุอันดับหนึ่ง ที่ทำให้หัวใจตายเฉียบพลัน นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในกลุ่มคนที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ รวมถึงโรคที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณหัวใจ ซึ่งถ้าหากเข้ารับการรักษาไม่ทันท่วงที อาจจะส่งผลถึงชีวิตได้ นับว่าเป็นภาวะที่อันตรายมาก ๆ ต้องหมั่นดูแลสุขภาพร่างกาย และใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง

 

หัวใจล้มเหลวแบบเฉียบพลัน มีอาการอย่างไร 

หัวใจล้มเหลวแบบเฉียบพลัน มีอาการสำคัญ ๆ ที่สามารถสังเกตได้ ดังนี้

  • อาการหอบ เหนื่อย เมื่อนอนราบรู้สึกหายใจไม่สะดวก หายใจลำบาก
  • รู้สึกเจ็บแน่นบริเวณหน้าอก ในบางรายอาจจะมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะร่วมด้วย
  • บวมตามร่างกายโดยเฉพาะขา กดแล้วบุ๋มลงไปทั้ง 2 ข้าง
  • เมื่อตรวจ เส้นเลือดดำที่คอจะพบว่ามีเส้นเลือดโป่งพอง
  • บริเวณชายปอดทั้งสองฝั่ง จะได้ยินเสียงที่เกิดจากฟองอากาศที่ก่อตัวขึ้นและยุบลงในข้อต่อ หรือให้นึกภาพออกง่าย ๆ จะเป็นเสียง “กรอบแกรบ”

 

หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน สินแพทย์

 

หัวใจล้มเหลวแบบเฉียบพลัน แบบไหนต้องรีบพบแพทย์ 

หัวใจล้มเหลวแบบเฉียบพลัน เป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างเพียงพอ ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ อย่างกะทันหัน ซึ่งอาการที่ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่

  • เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง เหมือนถูกกดทับ บีบรัด และร้าวไปถึงแขนซ้ายกับขากรรไกร
  • หายใจลำบาก หายใจไม่อิ่ม หอบ เหนื่อย แม้ในขณะที่กำลังพักผ่อน
  • ไออย่างรุนแรง มีเสมหะปนฟองสีชมพู
  • หัวใจเต้นผิดปกติ เต้นเร็ว เต้นไม่สม่ำเสมอ
  • วิงเวียน หน้ามืด หมดสติ
  • เหงื่อออกมาก ตัวเย็น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน

ถ้าหากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบโทรเรียกรถพยาบาลหรือเดินทางไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที เพราะภาวะหัวใจล้มเหลวแบบเฉียบพลันเป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 

โรคและภาวะไหนบ้างที่เสี่ยงหัวใจล้มเหลวแบบเฉียบพลัน

ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน  สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งโรคและภาวะต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่

 

โรคความดันโลหิตสูง 

โรคความดันโลหิตสูง เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น แล้วพอเวลาผ่านไปหัวใจก็จะอ่อนแอจนไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว

 

โรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน จะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนสามารถทำลายหลอดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานได้ไม่ดี ผู้ป่วยโรคนี้จึงมีอัตราความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดที่สูงกว่าคนปกติ รวมไปถึงภาวะหัวใจล้มเหลวด้วย

 

โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงหัวใจเกิดการอุดตัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและอาจเสียหายอย่างถาวร หากกล้ามเนื้อหัวใจเสียหายมาก หัวใจจะไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้เกิดหัวใจล้มเหลวแบบเฉียบพลันได้

 

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ภาวะนี้ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนเป็นช่วง ๆ ขณะนอนหลับ ซึ่งสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และภาวะหัวใจล้มเหลว

 

หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน สินแพทย์ รามอินทรา

 

คนที่เสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจแบบเฉียบพลัน 

คนที่เสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจแบบเฉียบพลัน ได้แก่

  • คนที่สูบบุหรี่
  • คนที่เป็นโรคเบาหวาน
  • คนที่มีความดันโลหิตสูง
  • คนที่มีภาวะโรคอ้วน มีน้ำหนักตัวเยอะเกินปกติ
  • คนที่มีไขมันในเลือดสูง
  • คนที่ทานอาหารรสจัด
  • คนที่มีความเครียด และไม่ออกกำลังกาย
  • ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงหมดประจำเดือน หรือกินยาคุมกำเนิด

 

วิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคหัวใจแบบเฉียบพลัน

การดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคหัวใจแบบเฉียบพลัน สามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้

  • พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เพื่อทำให้หัวใจแข็งแรง และพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
  • ออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของหัวใจได้ดี
  • เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ ไม่กินอาหารรสจัด อาหารไขมันสูง จะช่วยให้มีสุขภาพที่ดี
  • รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่น้ำหนักเพิ่มขึ้น ทำให้หัวใจกำลังทำงานหนักขึ้น นั่นหมายถึงมีโอกาสสูงที่หัวใจจะไม่แข็งแรงในอนาคต  

การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจแบบเฉียบพลันและมีสุขภาพที่ดีได้ หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ และอยากเข้ารับการตรวจประเมินสุขภาพหัวใจ สามารถสอบถามได้ที่โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทราโดยตรง

 

SHARE