
อาการอย่างไรเรียกว่าท้องผูกเรื้อรัง ?
อาการท้องผูกเรื้อรัง (Chronic constipation) คือ ภาวะที่มีอาการท้องผูกต่อเนื่องหรือเกิดซ้ำบ่อยนานเกิน 3 เดือน
โดยมีลักษณะอย่างน้อย 2 ข้อจากเกณฑ์การวินิจฉัยตาม Rome IV Criteria ดังนี้
- ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
- อุจจาระแข็งหรือเป็นก้อนเล็กมากกว่าร้อยละ 25 ของการถ่าย
- ถ่ายอุจจาระลำบากต้องเบ่งมากกว่าร้อยละ 25 ของการถ่าย
- รู้สึกถ่ายไม่สุดมากกว่าร้อยละ 25 ของการถ่าย
- รู้สึกมีสิ่งอุดกั้นที่ทวารหนักมากกว่าร้อยละ 25 ของการถ่าย
- จำเป็นต้องใช้มือช่วยล้วงหรือกดหน้าท้องเพื่อช่วยถ่ายมากกว่าร้อยละ 25 ของการถ่าย
โดยหากไม่ใช้ยาระบายก็ยากที่จะทำให้อุจจาระนิ่มลงและอาการต้องยังไม่เข้าเกณฑ์ของโรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome)
สาเหตุของอาการท้องผูกเรื้อรังมีอะไรบ้าง ?
1.อาการท้องผูกชนิดปฐมภูมิ (Primary constipation หรือ Functional constipation)
พบได้บ่อยที่สุด เกิดจาก
- การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้า (Slow transit constipation)
- กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานทำงานไม่สัมพันธ์กัน (Dyssynergic defecation)
- การเคลื่อนตัวของอุจจาระปกติแต่รู้สึกว่าท้องผูกหรืออาการท้องผูกแบบ IBS-C (Normal transit constipation)
2.อาการท้องผูกชนิดทุติยภูมิ (Secondary constipation)
เกิดจาก
- พฤติกรรม เช่น ดื่มน้ำน้อย รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ไม่ค่อยเคลื่อนไหว ไม่ออกกำลังกาย
- โรคทางกาย เช่น โรคเบาหวาน ภาวะไทรอยด์ต่ำ ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง โรคพาร์กินสัน โรคปลายประสาทอักเสบ ไขสันหลังบาดเจ็บ เนื้องอก ภาวะลำไส้อุดตัน ภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล
- ยา เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม opioids ยาต้านซึมเศร้า แคลเซียม ธาตุเหล็ก ยากันชัก
เมื่อไรต้องรีบไปพบแพทย์ ?
ผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรังร่วมกับสัญญาณเตือนต่างๆเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว
- ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดหรืออุจจาระสีดำ
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- เบื่ออาหาร อ่อนเพลียเรื้อรัง
- มีภาวะซีด โลหิตจาง
- ปวดท้องบ่อย ปวดท้องรุนแรง
- มีอาการกลั้นอุจจาระไม่อยู่
- ชาบริเวณก้นหรือขา
- คลำก้อนได้ในท้องหรือทวารหนัก
- มีประวัติเคยผ่าตัดช่องท้องหรือกระดูกสันหลัง
- อาการท้องผูกเป็นครั้งแรกในผู้อายุมากกว่า 50 ปี
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไทรอยด์ต่ำ โรคทางระบบประสาท
- มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- ท้องผูกนานเกิน 3 สัปดาห์ รักษาด้วยตัวเองแล้วไม่ดีขึ้น ต้องใช้ยาระบายเป็นประจำ
การตรวจวินิจฉัยท้องผูกเรื้อรังทำอย่างไร ?
1.การซักประวัติและตรวจร่างกาย โดยการซักประวัติโรคประจำตัว พฤติกรรมการขับถ่าย ยาที่ใช้ อาการร่วมอื่นๆ ร่วมกับการตรวจร่างกายและการตรวจทวารหนักเพื่อตรวจดูความตึงตัวของกล้ามเนื้อหูรูดและก้อนอุจจาระ
2.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจเลือดหาภาวะโลหิตจาง ภาวะไทรอยด์ต่ำ ภาวะเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ ระดับน้ำตาลในเลือด
3.การตรวจพิเศษเพิ่มเติม ได้แก่
- Abdominal X-ray : ประเมินลำไส้โป่งพองหรือลำไส้ตัน
- Colonoscopy : ส่องกล้องตรวจหาก้อนมะเร็งหรือลำไส้ตีบ
- Anorectal manometry : ประเมินการทำงานของกล้ามเนื้อหูรูดและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- Balloon expulsion test : ทดสอบการเบ่งถ่าย
- Colonic transit study : ประเมินความเร็วการเคลื่อนตัวของลำไส้
- Defecography : ตรวจภาพการทำงานของลำไส้ตรงและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานขณะเบ่งถ่าย
ท้องผูกเรื้อรังรักษาอย่างไร ?
การรักษาอาการท้องผูกเรื้อรังจะรักษาโรคที่เป็นสาเหตุร่วมกับการปรับพฤติกรรมการขับถ่าย การรับประทานอาหาร การฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน การรักษาโดยการใช้ยาช่วยการขับถ่าย สำหรับการผ่าตัดเอาลำไส้ใหญ่บางส่วนออกใช้ในกรณีที่ลำไส้มีการเคลื่อนไหวช้าอย่างรุนแรงและรักษาด้วยวิธีอื่นๆแล้วไม่ได้ผล
ป้องกันอย่างไรไม่ให้ท้องผูกเรื้อรัง ?
- สร้างวินัยในการขับถ่ายให้เป็นเวลา ใช้เวลาในการขับถ่ายให้เพียงพอ
- ไม่กลั้นอุจจาระ
- บริโภคอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระและทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้อุจจาระนุ่มลง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
- ลดความเครียดและพยายามผ่อนคลาย