ทำความรู้จัก “ต่อมไทรอยด์”

26 October 2021 | 作者 พญ.กรกฎ ดำรงกิจชัยพร

เมื่อต่อมไทรอยด์ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ จะส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพ แต่จะส่งผลอย่างไรบ้าง วันนี้สินแพทย์จะพาไปทำความรู้จักกันให้มากขึ้นเกี่ยวกับโรคดังกล่าวนี้



ทำความรู้จัก “ต่อมไทรอยด์”

ต่อมไทรอยด์ คืออะไร ต่อมไทรอยด์ คืออวัยวะรูปร่างคล้ายผีเสื้อวางอยู่หน้าหลอดลมใต้ต่อลูกกระเดือก (Adam’s apple) ลงมา จากการวางตัวแบบนี้ ทำให้เมื่อต่อมขยายใหญ่ขึ้นจะสังเกตเห็นได้ง่าย และเมื่อมีการกดเบียด ปัญหาจะเกิดกับอวัยวะข้างเคียง เช่น เส้นประสาทที่ควบคุมการเปล่งเสียง ทำให้มีเสียงแหบ อาจมีการกดหลอดลมได้ แต่พบน้อยมาก เนื่องจากหลอดลมเป็นกระดูกอ่อน จึงมีความแข็งแรงกว่าตัวต่อมไทรอยด์เอง

 

ต่อมไทรอยด์มีการสร้างฮอร์โมนไทรอกซิน (Thyroxin) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ฮอร์โมนไทรอยด์ เมื่อฮอร์โมนมีการสร้างแล้ว จะไปออกฤทธิ์ที่ระบบอวัยวะปลายทางต่างๆ เช่น หัวใจ กล้ามเนื้อ ระบบประสาทอัตโนมัติ โดยผ่านไปทางเลือด ทำให้การตรวจระดับฮอร์โมนทำได้ด้วยการตรวจเลือด การควบคุมการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์มีความสัมพันธ์กับต่อมใต้สมอง(Pituitary gland) เป็นระบบที่เกี่ยวเนื่องกัน ดังนั้นโรคของต่อมใต้สมองบางอย่างจึงมีผลต่อระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดด้วยเช่นกัน

 

โรคของต่อมไทรอยด์ แบ่งเป็นหลายชนิด หลัก ๆ คือ

  1. การสร้างฮอร์โมนที่มากหรือน้อยเกินไป (hypo, hyperthyroidism)
  2. ก้อนเนื้อที่ต่อมไทรอยด์

 

1.การสร้างฮอร์โมนที่มากไปหรือ hyperthyroidism

ทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานที่มากกว่าปกติ (Increase resting energy expenditure) น้ำหนักลด ความอยากอาหารมากขึ้นแต่ผอมลง หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก ใจสั่น เหนื่อยง่าย บางรายมีอาการถ่ายอุจจาระบ่อย จนทำให้เข้าใจว่าเป็นท้องเสียเรื้อรัง และอาจมีการรบกวนต่อการตกไข่ในผู้หญิง รอบประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ เป็นสาเหตุหนึ่งของการมีบุตรยากได้

 

ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroid) อาการจะเป็นตรงข้ามกัน หลายท่านนิยามว่าเป็น Lazy thyroid ก็คือ อาการเพลีย บวม น้ำหนักเพิ่ม เสียงแหบ ท้องผูก  ประจำเดือนอาจมาปริมาณมากและนานกว่าปกติจนเกิดโลหิตจางได้

 

กลุ่มการสร้างฮอร์โมนผิดปกตินี้วินิจฉัยได้โดยการตรวจเลือดเมื่อมีอาการหรืออาการแสดงที่ชวนสงสัย ต่อมไทรอยด์อาจมีขนาดปกติ หรือโตขึ้นได้ในทั้งสองโรค การรักษา ขึ้นกับสาเหตุที่ตรวจพบ โดยทั่วไป ไทรอยด์เป็นพิษ รักษาได้ด้วยยารับประทาน การกลืนรังสีไอโอดีน หรือการผ่าตัด

 

2.ก้อนเนื้อที่ต่อมไทรอยด์

อาจมีการตรวจพบจากการสังเกตเห็นเองของผู้ป่วยหรือคนรอบข้าง การที่ก้อนมีการกดเบียดอวัยวะอื่นรอบข้าง เช่น เสียงแหบ หายใจเข้ามีเสียงดัง(stridor) หรือที่พบในปัจจุบันมากขึ้น คือ พบโดยบังเอิญจากการตรวจอื่นๆเข่น CT หรือ ultrasound บริเวณคอ

 

การรักษาโดยทั่วไป คือการยืนยันว่าก้อนที่ตรวจพบเป็นมะเร็งหรือเป็นเพียงถุงน้ำ หรือเป็นก้อนเนื้อดีธรรมดา และตัวก้อนมีการสร้างฮอร์โมนที่ผิดปกติหรือไม่ โดยอาจมีการเจาะชิ้นเนื้อตรวจ หรือการติดตามลักษณะทางอุลตร้าซาวด์ไปเป็นระยะๆ หากเป็นมะเร็งก็มีการรักษาหลักคือการผ่าตัด และการกลืนรังสีไอโอดีนต่อหลังการผ่า

 

อาการของโรคต่อมไทรอยด์

อาการของโรคต่อมไทรอยด์มีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคและระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกาย อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) : จะมีอาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หงุดหงิด กระสับกระส่าย เหงื่อออกมาก ขี้ร้อน น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ มือสั่น นอนไม่หลับ และในบางรายจะมีอาการตาโปนร่วมด้วย
  • ไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism) : จะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ขี้หนาว น้ำหนักเพิ่ม ท้องผูก ผิวแห้ง ผมร่วง
    ความจำไม่ดี และอาจจะกระทบกับฮอร์โมนหนักจนถึงขั้นเซึมเศร้า

 

สาเหตุของโรคไทรอยด์

โรคไทรอยด์มีสาเหตุหลายประการ ดังนี้

  • โรคภูมิต้านตนเอง (Autoimmune diseases) : เช่น โรคเกรฟส์ (Graves’ disease) ซึ่งทำให้เกิดไทรอยด์เป็นพิษ และโรคฮาชิโมโตะ (Hashimoto’s thyroiditis) ซึ่งทำให้เกิดไทรอยด์ทำงานต่ำ
  • การขาดไอโอดีน : ไอโอดีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ การขาดไอโอดีนทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
  • เนื้องอกต่อมไทรอยด์ : เนื้องอกอาจทำให้ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนมากเกินไป หรือกดทับต่อมไทรอยด์ ทำให้ทำงานผิดปกติ
  • การใช้ยาบางชนิด : ยาบางชนิดอาจมีผลต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์
  • การได้รับรังสี : การได้รับรังสีบริเวณคอ อาจทำให้ต่อมไทรอยด์เสียหาย

 

การวินิจฉัยโรคต่อมไทรอยด์

โรคต่อมไทรอยด์ สามารถวินิจฉัยการรักษาได้ดังนี้

  • การตรวจเลือด : เพื่อวัดระดับฮอร์โมนไทรอยด์ (T3, T4) และฮอร์โมนกระตุ้นไทรอยด์ (TSH)
  • การตรวจอัลตราซาวนด์ : เพื่อดูขนาดและลักษณะของต่อมไทรอยด์
  • การตรวจชิ้นเนื้อ : ในกรณีที่สงสัยว่าเป็นเนื้องอก

 

วิธีรักษาโรคไทรอยด์

โรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ สามารถรักษาได้ 4 วิธี ได้แก่

  • ยาต้านไทรอยด์ : ช่วยลดการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ทำให้ระดับฮอร์โมนกลับมาอยู่ในระดับปกติ ต้องรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามผลข้างเคียงอย่างใกล้ชิด
  • การกลืนแร่ไอโอดีนรังสี : เป็นการให้ผู้ป่วยกลืนสารไอโอดีนรังสี ซึ่งจะถูกดูดซึมโดยต่อมไทรอยด์และทำลายเซลล์ต่อมไทรอยด์บางส่วน วิธีนี้จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ แต่ผู้ป่วยอาจต้องรับประทานฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทนในภายหลัง
  • การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ : ผ่าตัดเอาต่อมไทรอยด์ออกบางส่วนหรือทั้งหมด วิธีนี้มักใช้ในกรณีที่ยาต้านไทรอยด์หรือการกลืนแร่ไอโอดีนรังสีไม่ได้ผล หรือในกรณีที่ต่อมไทรอยด์มีขนาดใหญ่มาก หลังผ่าตัดผู้ป่วยจำเป็นต้องทานฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน
  • ยาบรรเทาอาการ : เช่น beta-blockers สามารถใช้เพื่อบรรเทาอาการเช่นใจสั่นและมือสั่น

 

ภาวะแทรกซ้อนของโรคต่อมไทรอยด์

ภาวะแทรกซ้อนของโรคต่อมไทรอยด์สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับการรักษา หรือได้รับการรักษาที่ไม่เหมาะสม โดยภาวะแทรกซ้อนจะแตกต่างกันไปตามชนิดของโรคไทรอยด์ ดังนี้

  • ภาวะแทรกซ้อนของไทรอยด์เป็นพิษ : ภาวะหัวใจล้มเหลวจากฮอร์โมนไทรอยด์ที่ทำงานหนักจนกระตุ้นหัวใจมากเกินไป มีภาวะกระดูกพรุน ตาแห้ง ตาแดง เห็นภาพซ้อน และภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงที่สุด คือ เสียชีวิต
  • ภาวะแทรกซ้อนของไทรอยด์ทำงานต่ำ : หัวใจเต้นช้า เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย หมดสติ มีภาวะคลอเลสเตอรอลสูง เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด มีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล ความจำไม่ดี ในกรณีที่กำลังตั้งครรภ์อาจจะคลอดก่อนกำหนด แท้ง หรือพัฒนาการของทารกผิดปกติ หรือในกรณีที่เกิด Myxedema coma เป็นภาวะฉุกเฉินที่เกิดจากไทรอยด์ทำงานต่ำอย่างรุนแรง ทำให้มีอาการหมดสติ อุณหภูมิร่างกายต่ำ และหายใจลำบาก

 

การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคไทรอยด์

เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคต่อมไทรอยด์ แนะนำให้รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ เช่น ยา ยาต้านไทรอยด์ หรือยาฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทน เพราะเป็นสิ่งสำคัญต่อการควบคุมระดับฮอร์โมน นอกจากนี้ยังควรติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง ตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมนไทรอยด์เป็นประจำจะช่วยให้แพทย์สามารถปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายได้

 

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?

ควรไปพบแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้

  • อาการของไทรอยด์เป็นพิษ : ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก ขี้ร้อน น้ำหนักลด มือสั่น นอนไม่หลับ
  • อาการของไทรอยด์ทำงานต่ำ : อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ขี้หนาว น้ำหนักเพิ่ม ท้องผูก ผิวแห้ง ผมร่วง
  • มีก้อนที่คอ : คลำพบก้อนที่บริเวณต่อมไทรอยด์
  • มีอาการผิดปกติอื่น ๆ : เช่น ตาโปน เสียงแหบ กลืนลำบาก
  • มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคไทรอยด์ : ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ (FAQ)

ไทรอยด์เป็นพิษทำให้อ้วนหรือผอม?

โดยทั่วไป ไทรอยด์เป็นพิษจะทำให้น้ำหนักลดลง เนื่องจากต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนมากเกินไป ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจมีน้ำหนักคงที่ หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากความอยากอาหารเพิ่มขึ้น

ภาวะไทรอยด์เป็นพิษในหญิงตั้งครรภ์ มีผลต่อทารกหรือไม่?

ภาวะไทรอยด์เป็นพิษในหญิงตั้งครรภ์อาจมีผลต่อทารกได้ ดังนี้

  • ทารกมีภาวะไทรอยด์เป็นพิษ
  • ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น แท้งบุตร คลอดก่อนกำหนด
  • พัฒนาการทางสมองของทารกผิดปกติ

ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคไทรอยด์ ควรได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทารกเกิดมาอย่างสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง

ไทรอยด์สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่?

โรคไทรอยด์บางชนิดสามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น ไทรอยด์เป็นพิษที่เกิดจากโรคเกรฟส์ (Graves’ disease) แต่บางชนิดต้องได้รับการรักษาต่อเนื่อง เช่น ไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism) หรือมะเร็งต่อมไทรอยด์ การรักษาจะช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนไทรอยด์และลดอาการ แต่ผู้ป่วยอาจต้องรับประทานยาหรือรับการรักษาอื่น ๆ ไปตลอดชีวิต

 

พบแพทย์เฉพาะทาง แผนกอายุรกรรมโรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อ

ที่ โรงพยาบาลสินแพทย์ สาขาใกล้บ้านคุณ
(คลิก link เพื่อนัดพบแพทย์เฉพาะทาง)

SHARE