กลุ่มอาการออทิซึม มีอาการแสดงของความบกพร่องของทักษะที่สำคัญ คือ
1.ความบกพร่องของทักษะสังคม ในการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
- ไม่มองหน้าสบตา หรือสบตาน้อยกว่าปกติ
- ไม่ชี้บอกความต้องการ
- ไม่แสดงความสนใจร่วมกับผู้เลี้ยงดู ไม่รู้จักการเลียนแบบ
- ไม่รู้จักอวดโชว์สิ่งของเวลามีสิ่งของใหม่ๆ หรือสิ่งของที่ตนเองสนใจ
- ชอบเล่นคนเดียว มีโลกส่วนตัว ชอบแยกตัว
2.ความบกพร่องของพัฒนาการทางภาษาและการสื่อสาร ทั้งความเข้าใจและการใช้ภาษา
- ไม่ส่งเสียงโต้ตอบกับผู้เลี้ยงดู
- เรียกชื่อไม่หัน
- ไม่สนใจเมื่อบอกว่าให้ทำอะไร ไม่ทำตามคำสั่ง
- ไม่ใช้ภาษาท่าทางในการสื่อความหมาย
- พูดช้า หรือ ไม่พูด การพูดไม่สมวัย พูดซ้ำคำ พูดภาษาของตัวเอง
3.ความผิดปกติทางพฤติกรรม มักจะยังไม่พบในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี
- พฤติกรรมซ้ำๆ เช่น กระโดด หมุนตัว สะบัดมือ โยกตัว ชอบเรียงวัตถุในแนวเส้นตรง สนใจวัตถุที่กำลังหมุน
- มีความสนใจจำกัดเฉพาะเรื่อง ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ เช่น เลือกกินอาหารเฉพาะบางชนิด สวมเสื้อผ้าเฉพาะบางชุด ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงเด็กจะไม่ชอบ หรือหงุดหงิดกังวล
- มีการตอบสนองของประสาทสัมผัสต่อสิ่งเร้าที่มากหรือน้อยเกินไป เช่น ดมหรือเลียสิ่งของ ปิดหูเมื่อได้ยินเสียงดัง เดินเขย่งปลายเท้า
สาเหตุ
ปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้ชัดเจน โดยพบว่าน่าจะเกิดจากปัจจัยร่วมกันระหว่างพันธุกรรมร่วมกับสิ่งแวดล้อมอื่นๆ
อุบัติการณ์
การศึกษาในต่างประเทศพบความชุกของกลุ่มอาการออทิซึม เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันประมาณ 1 ต่อ 60 คน มักตรวจพบในช่วงปฐมวัย โดยเด็กชายพบมากกว่าเด็กหญิงประมาณ 2-3 เท่า
การวินิจฉัย
วินิจฉัยโดยกุมารแพทย์พัฒนาการหรือจิตแพทย์เด็ก จากอาการ อาการแสดงทางคลินิก และการสังเกตพฤติกรรมเด็กอย่างละเอียดในห้องตรวจ ร่วมกับแบบสอบถามผู้ดูแล และการติดตามหลังจากการฝึกกระตุ้นพัฒนาการ
แนวทางการดูแลเด็กออทิสติก
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่ทำให้หายขาดจากโรค การดูแลโดยการฝึกกระตุ้นพัฒนาการและการปรับพฤติกรรม มุ่งเน้นเพื่อการฟื้นฟูความบกพร่องให้หลงเหลือน้อยที่สุด เพื่อดึงเด็กออกจากโลกของตัวเอง ออกมาสู่ครอบครัว เพื่อไปสู่สังคมนอกบ้านและเข้าสู่โรงเรียน โดยสิ่งสำคัญมากคือ ให้การฝึกกระตุ้นพัฒนาการตั้งแต่อายุน้อย ฝึกสอนให้สอดคล้องกับเด็กแต่ละคน และต้องฝึกอย่างต่อเนื่อง เพราะสมองเด็กยังมีการพัฒนาได้มาก จึงจะส่งผลดีในระยะยาว
หลักการส่งเสริมพัฒนาการเน้นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เพราะเด็กเรียนรู้ได้โดยเลียนแบบจากคนใกล้ชิด ให้เด็กเป็นศูนย์กลาง ฝึกผ่านการเล่นที่เด็กสนใจ โปรแกรมพบว่าที่ได้ผลดีมาก คือ DIR floortime (สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.floortimethailand.com / www.mahidolclinic.com) การเตรียมตัวฝึกลูก เริ่มจากการจัดสถานที่ให้สงบ จัดอุปกรณ์ให้เป็นที่ ฝึกในที่เดิมประจำ ร่วมกับจัดตารางเวลาการทำกิจวัตรให้สม่ำเสมอ