รพ.สินแพทย์ รามอินทรา เชิญชวน บริจาคโลหิตช่วยกาชาด

15 มิ.ย. 2564 | เขียนโดย โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา

กาชาดและโรงพยาบาลทั่วประเทศขาดเลือดหนัก วอนคนไทยสุขภาพดี ช่วยบริจาคโลหิต ฝ่าวิกฤติ COVID-19 ส่งต่อโลหิตช่วยชีวิตผู้ป่วยทั่วประเทศ  โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา ร่วมกับศูนย์บริการโลหิต สภากาชาดไทย เชิญร่วมบริจาคเลือด ได้ที่ โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา อาคารโรงพยาบาลเด็กสินแพทย์ ชั้น 7 รอบที่ 1 วันที่ 24 มิถุนายน 2564 เวลา 9:00-15:00 น. รอบที่ 2 วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เวลา 9:00-15:00 น. รอบพิเศษ วันที่ 26 สิงหาคม 2564 เวลา 9:00-15:00 น. รอบที่ 3 วันที่ 27-28 กันยายน 2564 เวลา 9:00-15:00 น. รอบที่ 4 วันที่ 27-28 ธันวาคม 2564 เวลา 9:00-15:00 น. รอบที่ 5 วันที่ 28-29 มีนาคม 2565 เวลา 9:00-15:00 น. รอบที่ 6 วันที่ 27-28 มิถุนายน 2565 เวลา 9:00-15:00 น. รอบที่ 7 วันที่ 22-23 กันยายน 2565 เวลา 9:00-15:00 น. ชั้น 7



รอบที่ 1 วันที่ 24 มิถุนายน 2564 เวลา 9:00-15:00 น.
รอบที่ 2 วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เวลา 9:00-15:00 น.
รอบพิเศษ วันที่ 26 สิงหาคม 2564 เวลา 9:00-15:00 น.
รอบที่ 3 วันที่ 27-28 กันยายน 2564 เวลา 9:00-15:00 น.
รอบที่ 4 วันที่ 27-28 ธันวาคม 2564 เวลา 9:00-15:00 น.
รอบที่ 5 วันที่ 28-29 มีนาคม 2565 เวลา 9:00-15:00 น.
รอบที่ 6 วันที่ 27-28 มิถุนายน 2565 เวลา 9:00-15:00 น.
รอบที่ 7 วันที่ 22-23 กันยายน 2565 เวลา 9:00-15:00 น.

 

ขอให้ผู้บริจาคโลหิตเชื่อมั่นในการทำงานของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ผู้ทำหน้าที่จัดหาโลหิตบริจาคที่ปลอดภัยให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยยกระดับ มาตรการ “คัดกรอง เข้มงวด ครอบคลุม” 

  1. คัดกรอง สำหรับผู้บริจาคโลหิต ขอให้คัดกรองตนเองก่อนมาบริจาคโลหิต เช่น หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง มีผื่นขึ้น เดินทางไปยังสถานบันเทิง ตลาด สถานที่แออัด พื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาด หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย/ ผู้ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ COVID-19 ต้องงดบริจาคโลหิตอย่างน้อย 14 วัน

สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID19 สามารถบริจาคโลหิตได้ ดังนี้

  • กรณีฉีดวัคซีน Sinovac เว้น 1 สัปดาห์ บริจาคโลหิตได้
  • กรณีฉีดวัคซีน Astrazeneca และ Johnson & Johnson เว้น 4 สัปดาห์ บริจาคโลหิตได้
  • หากมีอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน ขอให้รอหลังหายดีแล้ว เว้น 1 สัปดาห์ บริจาคโลหิตได้
  1. เข้มงวด บุคลากรมีความตระหนักและปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทุกคนในพื้นที่สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา มีแอลกอฮอล์เจลล้างมือทุกจุดสัมผัส สถานที่และอุปกรณ์สะอาดปลอดเชื้อ จัดให้มี การเว้นระยะห่าง และจัดตั้งฉากกั้นระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้บริจาคโลหิตทุกจุดของกระบวนการบริจาคโลหิต

 

ก่อนบริจาคโลหิต

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง
  • รู้สึกสบายดี สุขภาพแข็งแรง พร้อมที่จะบริจาคโลหิต หากอยุ่ระหว่างรับประทานยารักษาโรค ให้แจ้งแพทย์/พยาบาล ผู้ตรวจคัดกรองสุขภาพทุกครั้ง
  • รับประทานอาหารประจำมื้อก่อนมาบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ แกงกะทิขนมหวาน ก่อนมาบริจาคโลหิต 6 ชั่วโมง เพราะจะทำให้พลาสมามีสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยได้
  • การดื่มน้ำก่อนบริจาคโลหิต 30 นาที ประมาณ 3-4 แก้ว ซึ่งเท่ากับปริมาณโลหิตที่เสียไปในการบริจาค จะทำให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น และช่วยลดภาวะการเป็นลมจากการบริจาคโลหิตได้
  • งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ก่อนมาบริจาคโลหิตอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี

 

 

ขณะบริจาคโลหิต

  • สวมใส่เสื้อผ้าที่แขนเสื้อไม่คับเกินไป สามารถดึงขึ้นเหนือข้อศอกได้อย่างน้อย 3 นิ้ว
  • เลือกแขนข้างที่เส้นโลหิตดำใหญ่ชัดเจน ผิวหนังบริเวณที่จะให้เจาะ ไม่มีผื่นคัน หรือรอยเขียวช้ำ ถ้าแพ้ยาทาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้า
  • ไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่ง หรืออมลูกอมขณะบริจาคโลหิต
  • ขณะบริจาคควรบีบลูกยางอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้โลหิตไหลได้สะดวก หากมีอาการผิดปกติระหว่างบริจาค เช่น ใจสั่น วิงเวียน มีอาการคล้ายจะเป็นลม อาการชา อาการเจ็บที่ผิดปกติ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบทันที

 

หลังบริจาคโลหิต

  • นอนพักที่เตียง 5 นาที หากไม่มีอาการผิดปกติ จึงลุกจากเตียง และไปนั่งพัก 10 -15 นาที พร้อมดื่มเครื่องดื่ม และรับประทานอาหารว่าง
  • ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • รับประทานยาเสริมธาตุเหล็ก วันละ 1 เม็ด หลังอาหารจนหมด เพื่อชดเชยธาตุเหล็กที่เสียไปจากการบริจาคโลหิต เพื่อให้สามารถบริจาคโลหิตได้อย่างสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการขึ้น-ลงที่สูง อาจทำให้รู้สึกวิงเวียนและเป็นลมได้
  • หลีกเลี่ยงการใช้แขนข้างที่บริจาคโลหิต เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการเดินไปในบริเวณที่แออัด และมีอากาศร้อนอบอ้าว
  • งดกิจกรรมหรือทำงานที่มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ ความเร็ว ความสูง ความลึก เครื่องจักรกล
  • งดออกกำลังกายที่ทำให้เสียเหงื่อ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง

 

 

 

SHARE
ข่าวประชาสัมพันธ์อื่นๆ