
‘โรคหลอดเลือดสมอง’ เกิดขึ้นจากการอุดตันในเส้นเลือด ในขณะที่เลือดกำลังไหลเวียนไปเลี้ยงสมอง ทำให้ส่งผลกระทบต่อระดับออกซิเจน และสารอาหารอื่น ๆ ที่ไปหล่อเลี้ยงสมอง
โรคหลอดเลือดสมอง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้
- หลอดเลือดสมองอุดตัน ซึ่งพบได้บ่อย เกิดจากการตีบตันบริเวณหลอดเลือดสมอง หรือเกิดจากการมีลิ่มเลือดหลุดจากที่อื่นมาอุดตัน เช่น จากหัวใจและจากหลอดเลือดที่บริเวณคอ มาอุดตันหลอดเลือดสมองทำให้สมองบางส่วนเกิดการขาดเลือด
- หลอดเลือดในสมองแตก ก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งเกิดจากการแตกของหลอดเลือดสมอง ทำให้มีเลือดออกมา และทำลายเนื้อสมองในบริเวณนั้น
สังเกตสัญญาณโรคหลอดเลือดสมองตามหลัก FAST ดังนี้
F – Face (ใบหน้า) : ใบหน้ามีอาการหน้าชา ปากเบี้ยว มุมปากตก กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก ลองสังเกตเวลายิ้ม ว่ามีอาการปากเบี้ยว หรือมุมปากตกหรือไม่
A – Arm (แขน) : ลองพยายามยกแขนขึ้น เหนือศีรษะ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองจะไม่สามารถยกแขนข้างเดียวได้ หรือถ้าหากยกได้ทั้งสองข้าง แขนอีกข้างจนยกได้ไม่เท่ากัน
S – Speech (การพูด) : ลักษณะพูดไม่ออก ลิ้นแข็ง หรือพูดไม่ชัดอย่างทันทีทันใด
T – Time (เวลา) : เวลาเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง ควรรีบพบแพทย์ด่วน ภายใน 4 ชั่วโมง
เราสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการดูแลสุขภาพของตัวเอง ดังนี้
การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง
- ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
- เลิกสูบบุหรี่ ลดการดื่มสุรา
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ควบคุมอาการของโรคเบาหวาน
- รับประทานผักและผลไม้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
สังเกตอาการของคุณหรือคนในครอบครัว หากเกิดโรคหลอดเลือดสมองขึ้น จะทำให้ขาดเลือดมาเลี้ยงสมอง ส่งผลทำให้สมองเสียหาย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้