โรคเก๊าท์ Gout

1 June 2020 | Author ศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา

โรคเก๊าท์ เกิดจากความผิดปกติของระบบเมตาโบลิซึม ภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีกรดยูริคสูงกว่าปกติ 3-5 เท่า นอกจากนั้นร่างกายยังไม่สามารถขับกรดยูริคให้ลดลงได้ เมื่อกรดยูริคในร่างกายสูง และเกิดการตกผลิกเป็นก่อนนิ่วจับอยู่ตามข้อทำให้มีอาการปวดข้อและเกิดการอักเสพ โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่เท้าลุกลามจนถึงหัวเข่า ศอก และข้อ ในส่วนต่างของร่างกาย กรดยูริคนี้ หากเกาะอยู่ในทางเดินปัสสาวะจะทำให้เกิดนิ่วในไตได้



โรคเก๊าท์ เกิดจากความผิดปกติของระบบเมตาโบลิซึม ภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีกรดยูริคสูงกว่าปกติ 3-5 เท่า นอกจากนั้นร่างกายยังไม่สามารถขับกรดยูริคให้ลดลงได้ เมื่อกรดยูริคในร่างกายสูง และเกิดการตกผลิกเป็นก่อนนิ่วจับอยู่ตามข้อทำให้มีอาการปวดข้อและเกิดการอักเสพ โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่เท้าลุกลามจนถึงหัวเข่า ศอก และข้อ ในส่วนต่างของร่างกาย กรดยูริคนี้ หากเกาะอยู่ในทางเดินปัสสาวะจะทำให้เกิดนิ่วในไตได้

โดยปกติร่างการของคนเราจะมีระดับกรดยูริคในเลือด

  • ในผู้ชาย ประมาณ 3.67-7.7 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
  • ในผู้หญิง ประมาณ 2.8-6.8 มิลลิกรัม/เดซิลิตร

 

แหล่งของกรดยูริคในร่างกาย

  1. จากการรับประทานอาหาร มีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3
  2. จากการสังเคราะห์ในร่างกายมีสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3

 

โรคเก๊าท์รักษาได้หรือไม่

โรคเก๊าท์เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายจากอาการปวดข้อได้ แต่ภาวะกรดยูริคสูง จำเป็นต้องควบคุมดูแล ต่อเพื่อป้องกันผลข้างเคียง ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อไต โดยแบ่งลักษณะของการรักษาได้ดังนี้

  1. ให้ยาลดกรดยูริคที่เป็นสาเหตุของโรคและติดตามระดับของกรดยูริคในเลือดเป็นระยะ
  2. ให้ยาลดการอักเสบของข้อเพื่อลดความเจ็บปวด
  3. ให้ยาป้องกันไม่ให้โรคกำเริบต่ออีกประมาณ 1-2 ปีหรือจนกว่าไม่มีอาการกำเริบ

 

ผู้ป่วยโรคเก๊าท์มักจะมี ภาวะทางโภชนาการไม่ดี และมีจำนวนไม่น้อยที่ อาจเป็นโรคอื่นร่วมด้วย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน เป็นต้น ดังนั้นจึงควรรักษาโรคที่เป็นอยู่ ควบคู่กับการรักษาโรคเก๊าท์ด้วย เช่น ถ้าอ้วนควรจะลดน้ำหนักโดยการออกกำลังกาย และรับประทานอาหารให้เหมาะสม แต่ไม่ใช่การอดอาหาร เพราะจะทำให้เกิดการสลายของเนื้อเยื่อ และเป็นการเพิ่มปริมาณกรดยูริค

 

 อาหารสําหรับโรคเก๊าท์

 

อาหารที่มีพิวรีนสูง

( ควรงดหรือรับประทานให้น้อย )

(ปริมาณพิวรีน>150มก./อาหาร100g)

คาร์โบไฮเดรต

  • ขนมปังที่มีเนย หรือไขมันสูง ใส่เชื้อยีสต์

 

โปรตีน

  • เครื่องในสัตว์ ( หัวใจ ตับ กึ๋น ไต สมอง )
  • เนื้อไก่ เป็ด ห่าน ( ปีก น่อง และข้อ )
  • ปลา ( แอนโชวี่ แมคเคอเรล กระตัก ดุก ซาร์ดีน ไส้ตัน ) และไข่ปลา
  • กุ้งชีแฮ้ หอย

 

ไขมัน และน้ำซุป

  • น้ำเกรวี่ น้ำต้มกระดูก น้ำซุปต่างๆ
  • น้ำสกัดจากเนื้อสัตว์

 

ผัก/ผลไม้

  • ยอดผัก ( กระถิน ชะอม ฟักแม้ว ฟักทอง ตำลึง )
  • เห็ด
  • ผลอโวคาโด้

 

เครื่องปรุง

  • กะปิ น้ำปลา ซุปก้อน

 

 

อาหารที่มีพิวรีนปานกลาง

( รับประทานได้บ้าง )

(ปริมาณพิวรีน 50-150 มก. / อาหาร 100g)

คาร์โบไฮเดรต

  • ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี ธัญพืช รำข้าว ข้าวที่ไม่ขัดขาว

 

โปรตีน

  • เนื้อหมู เนื้อวัว แฮม
  • เนื้ออกไก่
  • ปลา ( กะพงแดง แซลมอน ปลาทูน่า )
  • ปู ปลาหมึก

 

ไขมันและน้ำซุป

  • น้ำซุปเนื้อสัตว์

 

ผัก/ผลไม้

  • ใบขี้เหล็ก สะตอ ผักโขม หน่อไม้

 

เครื่องปรุง

  • เกลือ พริก มายองเนส น้ำซอส

 

 

อาหารที่มีพิวรีนต่ำ

(ปริมาณพิวรีน 0-50 มก. / อาหาร 100g)

 

คาร์โบไฮเดรต

  • ข้าวไม่ขัดขาว ก๋วยเตี๋ยว พาสต้า มันฝรั่ง

 

โปรตีน

  • เนื้อแกะ ไข่
  • เนยถั่วลิสง เมล็ดเกาลัด
  • นม และ ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ

 

ไขมันและน้ำซุป

  • น้ำซุปผัก

 

ผัก/ผลไม้

  • ดอกกะหล่ำ ธัญพืช
  • ผลไม้เปลือกแข็งทุกชนิด

 

เครื่องปรุง

  • น้ำสลัดซอสครีม

 

โรคเก๊าท์คืออะไร?

โรคเก๊าท์ คือ โรคข้ออักเสบชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดมาจากการสะสมของกรดยูริกในร่างกายที่มากเกินไป อยากให้ทำความเข้าใจก่อนว่ากรดยูริกเป็นของเสียที่ร่างกายสร้างขึ้นจากการย่อยสลายสารพิวรีน ซึ่งพบได้ในอาหารบางชนิด เมื่อกรดยูริกมีปริมาณมากเกินไป จะตกผลึกและสะสมในข้อต่อ ทำให้เกิดการอักเสบ ปวด บวม และแดง

 

อาการของโรคเก๊าท์

อาการของโรคเก๊าท์มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกลางคืนหรือช่วงเช้า อาการปวดอาจเป็น ๆ หาย ๆ หรือเรื้อรัง ดังนี้
– ปวดข้ออย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่นิ้วหัวแม่เท้า ข้อเท้า ข้อเข่า และข้อมือ
– อาการปวดมักรุนแรงมากจนทนไม่ได้ แม้แต่สัมผัสเบา ๆ
– ข้อต่อบวม แดง และร้อน
– ข้อต่อเคลื่อนไหวได้จำกัด การอักเสบทำให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้ยาก หรือเคลื่อนไหวไม่ได้เลย

 

การวินิจฉัยโรคเก๊าท์

การวินิจฉัยทางการแพทย์ ในเบื้องต้นแพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการปวดข้อ ลักษณะการปวด ระยะเวลาที่เป็น และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ประวัติครอบครัว การรับประทานอาหาร และการดื่มแอลกอฮอล์ หลังจากนั้นจะเช็กลักษณะการบวม แดงของข้อต่อ และกดหรือสัมผัสบริเวณข้อต่อเพื่อประเมินความเจ็บปวดและความอ่อนโยนของข้อต่อ นอกจากนี้จะอาศัยการตรวจวัดระดับกรดยูริกในเลือด การ X-ray การตรวจอัลตราซาวนด์ และการตรวจ Dual energy CT scan เป็นการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้แพทย์เห็นผลึกของกรดยูริกที่ตกตะกอนอยู่ในข้อได้โดยไม่จำเป็นต้องเจาะน้ำออกมาตรวจ เพื่อผลการวินิจฉัยที่แม่นยำ

 

การรักษาโรคเก๊าท์

การรักษาโรคเก๊าท์มีเป้าหมายเพื่อลดอาการปวดและการอักเสบ รวมถึงป้องกันการกำเริบของโรคในอนาคต ดังนี้
– ยาแก้ปวดและลดการอักเสบ เช่น ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) และคอลชิซิน
– ยาลดระดับกรดยูริก เช่น อัลโลพูรินอลและเฟบิวโซสแตท
– การประคบเย็นเพื่อลดอาการปวดและการอักเสบ
– การพักผ่อนและหลีกเลี่ยงการใช้ข้อต่อที่ได้รับผลกระทบ

 

การป้องกันโรคเก๊าท์

การป้องกันโรคเก๊าท์ทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น
– ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
– ดื่มน้ำให้เพียงพอ
– หลีกเลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เนื้อแดง เครื่องในสัตว์ และอาหารทะเล
– ลดการดื่มแอลกอฮอล์
– ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคเก๊าท์ (FAQ)

โรคเก๊าท์สามารถรักษาหายขาดได้หรือไม่?

โรคเก๊าท์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมอาการและป้องกันการกำเริบของโรคได้ด้วยการรักษาและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต

 

ควรกินอะไรเมื่อเป็นโรคเก๊าท์?

ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เนื้อแดง เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ควรเน้นรับประทานอาหารที่มีพิวรีนต่ำ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และผลิตภัณฑ์นมพร่องมันเนย

 

โรคเก๊าท์ต่างจากข้ออักเสบชนิดอื่นอย่างไร?

โรคเก๊าท์เป็นข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดจากการสะสมของกรดยูริกในข้อต่อ ในขณะที่ข้ออักเสบชนิดอื่นอาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อ การบาดเจ็บ หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง

SHARE