ไวรัสตับอักเสบซี…หายได้ ถ้ารักษาถูกต้อง !!!

24 ต.ค. 2567 | เขียนโดย โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา

โรคไวรัสตับอักเสบซี เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซีซึ่งเป็นเชื้ออาร์เอ็นเอไวรัส ติดต่อกันทางเลือดหรือเพศสัมพันธ์ โดยการรับเลือดที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบซี การใช้เข็มสัก เข็มฉีดยาหรือของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ติดเชื้อ การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ



โรคไวรัสตับอักเสบซีเกิดจากอะไร ? 

 

โรคไวรัสตับอักเสบซี เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซีซึ่งเป็นเชื้ออาร์เอ็นเอไวรัส ติดต่อกันทางเลือดหรือเพศสัมพันธ์ โดยการรับเลือดที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบซี การใช้เข็มสัก เข็มฉีดยาหรือของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ติดเชื้อ การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ

 

อาการของโรคไวรัสตับอักเสบซีเป็นอย่างไร ?

 

หลังได้รับเชื้อจะมีระยะฟักตัวประมาณ 6-8 สัปดาห์ ในระยะแรกผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการหรือมีอาการไม่มาก เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ปวดกล้ามเนื้อ ทำให้อาจไม่ทราบว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ผู้ที่ได้รับเชื้อมากกว่าร้อยละ 80 จะเกิดตับอักเสบเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง การทำงานของตับจะแย่ลงเรื่อยๆจนเข้าสู่ระยะตับแข็ง ซึ่งผู้ป่วยอาจแสดงอาการต่างๆ เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ตัวเหลืองตาเหลือง น้ำหนักลด ท้องมาน ม้ามโต ขาบวม ผิวคล้ำ ผิวแห้ง เลือดออกผิดปกติ ถ่ายดำ อาเจียนเป็นเลือด ซึม สับสน

 

การวินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบซีทำอย่างไร ?

 

แพทย์จะทำการซักประวัติและการตรวจร่างกายเบื้องต้น ร่วมกับการตรวจเพิ่มเติมต่าง ๆ ตังนี้

 

  • การตรวจเลือดดูการทำงานของตับ การตรวจ HCV antibody การตรวจปริมาณไวรัสในเลือด
  • การตรวจอัลตราซาวด์ตับและการตรวจไฟโบรสแกนดูความยืดหยุ่นของเนื้อตับ
  • การเจาะตรวจชิ้นเนื้อตับ

 

การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีทำอย่างไร ?

 

แพทย์จะพิจารณารักษาตามพยาธิสภาพของตับในผู้ป่วยแต่ละราย ในปัจจุบันไวรัสตับอักเสบซีสามารถรักษาให้หายขาดได้โดยการใช้ยารับประทาน ใช้ระยะเวลาในการรับประทานยาประมาณ 3-6 เดือน ผู้ป่วยสามารถหายได้สูงถึงร้อยละ 80-90 โดยแพทย์จะติดตามปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดหลังการรักษา ถ้าการรักษาได้ผลจะช่วยให้ตับอักเสบดีขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดตับแข็งและลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งตับในอนาคต

 

การป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีทำอย่างไร ?

 

  1. หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยา เข็มสัก หรือของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้อื่น
  3. สวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์

 

ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบซี

 

#โรงพยาบาลสินแพทย์รามอินทรา
#เบื้องหลังทุกการรักษาคือความใส่ใจ

SHARE
ข้อเสนอดีๆที่แนะนำ