
"นิ่วไต" เกิดจากการตกตะกอนของสารต่างๆในปัสสาวะจนการเป็นผลึกและสะสมนานพอจนกลายเป็นก้อนนิ่วในที่สุด โดยอาศัยปัจจัยกระตุ้นหลายอย่าง เช่น การตีบแคบของทางเดินปัสสาวะ หรือ การที่มีสารนั้นๆ กรองมาในปัสสาวะมากเกินไป เช่น อ็อกซาเลต การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำๆ หรือมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว เป็นต้น
รู้หรือไม่ว่า หนึ่งในสิบของประชากร สามารถพบนิ่วไตได้ในชั่วอายุขัย อาการของนิ่วไต มีตั้งแต่ไม่มีอาการ จนถึงปวดรุนแรงเนื่องจากนิ่วอุดท่อไต
“นิ่วไต” เกิดจากการตกตะกอนของสารต่างๆ ในปัสสาวะจนการเป็นผลึกและสะสมนานพอจนกลายเป็นก้อนนิ่วในที่สุด โดยอาศัยปัจจัยกระตุ้นหลายอย่าง เช่น การตีบแคบของทางเดินปัสสาวะ หรือ การที่มีสารนั้นๆ กรองมาในปัสสาวะมากเกินไป เช่น อ็อกซาเลต การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำๆ หรือ มีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว เป็นต้น
เราสามารถหลีกเลี่ยงการเกิดนิ่วในไต จากการหยุด!! พฤติกรรมเสี่ยง ดังนี้
- “ไม่ดื่มน้ำชดเชยเหงื่อที่สูญเสียไป” ในแต่ละวัน หากเราต้องทำงานในที่กลางแจ้ง จะมีการเสียเหงื่อปริมาณมาก ยิ่งในหน้าร้อนแล้ว เหงื่อที่ออกเพิ่มขึ้น ทำให้ปัสสาวะลดลง ส่งผลให้สารตั้งต้นในการเกิดนิ่วสะสมในทางเดินปัสสาวะได้ง่ายขึ้น ดังนั้น เราควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อชดเชยน้ำที่เสียไป ทำให้ปัสสาวะใส และ ไม่มีตะกอน
- “ดื่มชาแทนน้ำเปล่า” การดื่มชาดำ (black tea) ทุกวันปริมาณมาก ไม่ว่าจะเป็นชาดำเย็น ชามะนาว หรือ ชาร้อน เนื่องจากชาดำมีสาร “อ็อกซาเลตสูง” เมื่อรวมตัวกับแคลเซี่ยมจะกลายเป็นผลึกนิ่วได้ ดังนั้น จึงแนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด ☕️
- “รับประทานอาหารรสจัด” เนื่องจากการทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะ “เค็มจัด” จะส่งผลให้ไตทำงานหนัก และกระตุ้นให้เกิดนิ่วตามมา
4. “ทานแคลเซี่ยมไม่เพียงพอ” เมื่อองค์ประกอบส่วนใหญ่ของนิ่วเป็น แคลเซี่ยม แต่การทานแคลเซี่ยมไม่ได้กระตุ้นให้เกิดนิ่วไต ตรงกันข้ามการที่ร่างกายขาดแคลเซี่ยมต่างหาก ที่จะเร่งให้ลำไส้ดูดซึมแคลเซี่ยมกลับเข้ามา และทำให้เกิดนิ่วไต
- “ทานเนื้อแดงมากๆ” นอกจากนิ่วแคลเซี่ยมที่พบได้บ่อยแล้ว ยังมีนิ่วอีกชนิดหนึ่งที่เจอได้บ่อยไม่แพ้กัน คือ “นิ่วยูริก” โดยอาหารที่มีพิวรีนสูง จะทำให้เกิดการสะสมกรดยูริกในร่างกาย นอกจากจะไปสะสมมตามข้อจนทำให้เป็น “เก๊าต์” แล้ว กรดยูริกเอง ยังสะสมในไต จนเกิดนิ่วได้ โดย อาหารที่ควรเลี่ยงคือ เนื้อแดง เครื่องในสัตว์ และ เบียร์ เป็นต้น และ ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่