ตับอ่อนอักเสบเกิดจากอะไร…ใครเสี่ยงบ้าง?!??

16 ต.ค. 2567 | เขียนโดย โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา

ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis) เกิดจากการที่เซลล์เนื้อเยื่อตับอ่อนถูกทำลายทำให้มีการอักเสบ น้ำย่อยจากตับอ่อนไม่สามารถไหลผ่านท่อตับอ่อนได้ตามปกติ สาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบของตับอ่อนที่พบได้บ่อย คือ การดื่มแอลกอฮอล์และนิ่วในถุงน้ำดีที่หลุดมาอุดท่อน้ำดีส่วนปลาย ผู้ป่วยที่มีตับอ่อนอักเสบจะเกิดอาการปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง



ปัจจัยเสี่ยงของตับอ่อนอักเสบมีอะไรบ้าง ?

  • นิ่วในถุงน้ำดีที่หลุดลงมาอุดตันท่อน้ำดีส่วนปลาย
  • การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากหรือดื่มเป็นระยะเวลานาน
  • ไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
  • ระดับแคลเซียมในเลือดสูง
  • ภาวะธาตุเหล็กในเลือดสูง
  • โรคอ้วน
  • การติดเชื้อที่ตับอ่อน เช่น การติดเชื้อเอชไอวี การติดเชื้อแบคทีเรีย
  • ภาวะไตวายเรื้อรัง
  • ระบบภูมิต้านทานผิดปกติ
  • อุบัติเหตุหรือการผ่าตัดในช่องท้อง
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น เอสโตรเจน สเตียรอยด์
  • มีคนในครอบครัวเป็นโรคของตับอ่อน
  • การสูบบุหรี่

อาการของตับอ่อนอักเสบเป็นอย่างไร ?

  • ปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ร้าวไปหลัง ปวดมากขึ้นหลังรับประทานอาหาร
  • ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ตัวเหลือง ตาเหลือง
  • มีไข้ อ่อนเพลีย
  • หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ
  • ท้องเสียเรื้อรัง อุจจาระสีซีดหรืออุจจาระเป็นมันลอย
  • น้ำหนักลด

 

การวินิจฉัยตับอ่อนอักเสบทำอย่างไร ?

  1. การซักประวัติอาการและการตรวจร่างกาย
  2. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยการตรวจเลือดดูค่าการทำงานของตับ เอนไซม์ตับอ่อน ระดับน้ำตาล ระดับไตรกลีเซอไรด์ ระดับแคลเซียม ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด การตรวจอุจจาระ
  3. การอัลตราซาวด์ช่องท้อง เพื่อตรวจดูนิ่วในถุงน้ำดี
  4. การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เพื่อตรวจดูนิ่วในถุงน้ำดีและประเมินการอักเสบของตับอ่อน
  5. การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อตรวจดูความผิดปกติของถุงน้ำดี ท่อน้ำดี ตับอ่อน และท่อตับอ่อน
  6. การส่องกล้องตรวจท่อทางเดินน้ำดีและท่อตับอ่อน (Endoscopic Retrograde Cholangiopancreatography : ERCP) เพื่อดูความผิดปกติและการอุดตันในท่อน้ำดีและท่อตับอ่อน

 

ตับอ่อนอักเสบรักษาอย่างไร ?

 

  1. การรักษาประคับประคอง โดยการงดรับประทานน้ำและอาหารเพื่อลดการทำงานของตับอ่อน การให้สารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือดดำเพื่อป้องกันการขาดน้ำและเกลือแร่ การให้ยาบรรเทาอาการปวดท้อง ยาช่วยย่อย ยาบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน การให้ยาปฏิชีวนะเมื่อเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  2. การรักษาสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดตับอ่อนอักเสบ เช่น การผ่าตัดนิ่วถุงน้ำดี การรักษาการอุดตันของท่อน้ำดีด้วยวิธีการส่องกล้องเพื่อนำนิ่วออก (ERCP) การรักษาภาวะไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง การงดดื่มแอลกอฮอล์
  3. การผ่าตัดตับอ่อน แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดในกรณีที่มีเนื้อเยื่อตับอ่อนตายหรือมีการติดเชื้อรุนแรง ร่วมกับการผ่าตัดเพื่อช่วยระบายเอนไซม์หรือน้ำย่อยจากตับอ่อน

 

 

หากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงที อาการของผู้ป่วยมักดีขึ้นในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากนั้นผู้ป่วยควรดูแลตนเองและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค เช่น งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ควบคุมระดับไขมันในเลือดและน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ตรวจสุขภาพและติดตามอาการตามแพทย์นัด

 

 

ปวดท้องเป็นจุดเริ่มต้นของสัญญาณอันตราย เช็กให้ชัดโรคระบบทางเดินอาหาร ตับ ตับอ่อน และทางเดินน้ำดี ศูนย์โรคปวดท้อง โรงพยาบาลสินแพทย์รามอินทรา

 

 

#เบื้องหลังทุกการรักษาคือความใส่ใจ

SHARE
ข้อเสนอดีๆที่แนะนำ