ตกขาว กับ … ผู้หญิง

4 มี.ค. 2563 | เขียนโดย โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา

อาการตกขาว

อาการตกขาวในผู้หญิงเป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องเจอกันทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกึ่งกลางระหว่างรอบเดือน ซึ่งเป็นระยะที่มีการตกไข่ และในหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกลุ่มที่รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นประจำ อาการตกขาวที่เป็นปกติจะมีลักษณะเป็นมูกใส หรือ คล้ายแป้งเปียก ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี และไม่ทำให้เกิดอาการคัน โดยทั่วไปจึงไม่จำเป็นต้องให้การรักษา แต่หากพบว่ามีอาการติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์ หรือสงสัยว่าอาจมีสาเหตุที่ผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อรักษา และหาสาเหตุต่อไป
โดยส่วนใหญ่ภาวะตกขาวผิดปกติ จะมีสาเหตุมาจากช่องคลอดอักเสบซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้หญิงทั่วไป ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อรา และเชื้อพยาธิ
อาการอักเสบจากเชื้อรา
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อราที่ชื่อว่า แคนดิดา อัลบิแคน (Candida Albicans) วิธีรับเชื้อนั้นไม่ทราบแน่ชัดแต่มักพบในกลุ่มคนต่อไปนี้
1. หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากมีระดับฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง ทำให้เชื้อราเติบโตในช่องคลอดได้รวดเร็ว
2. ผู้ที่รับประทานยาปฏิชีวะนะ เช่น แอมพิซิลลิน เตตราชัยคลีน ติดต่อกันเป็นเวลานาน
3. ผู้ที่รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด
4. ผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิต้านทานต่ำ
อาการ
มีอาการคัน ตกขาวมีสีขาวข้นคล้ายคราบนม ถ้าตรวจดูในช่องคลอดจะพบว่าผนังช่องคลอดอักเสบ และมีเยื่อเป็นแผ่นขาวๆ ที่ผนังช่องคลอด
การรักษา
ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจและรับยากลุ่มฆ่าเชื้อรา หรือใช้ยาเหน็บช่องคลอด ที่มีตัวยา นิสแตตีน (Nystatin) ขนาดหนึ่งแสนยูนิต ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผล และปลอดภัย เหน็บครั้งละ 1 เม็ด เช้าและก่อนนอน ติดต่อกัน 7-14 วัน ถ้ามีเพศสัมพันธ์ควรใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
อาการอักเสบจากเชื้อพยาธิ
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อพยาธิที่มีชื่อว่า ทริโคโมแนส วาไจนาลิส (Trichomonas Vaginalis) เป็นการอักเสบของช่องคลอดที่พบบ่อยเช่นกัน มักติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ผ้าเช็ดตัวและอ่างอาบน้ำร่วมกัน

อาการ
มักมีอาการคันในช่องคลอด ตกขาวมีสีเหลือง เป็นฟองและมีกลิ่น
การรักษา
ควรมาตรวจกับสูตินรีแพทย์ เพื่อรับยากลุ่มฆ่าเชื้อพยาธิ หรือใช้ยาเหน็บช่องคลอดที่มีตัวยา ได-ไอโอโดไฮดร๊อกซีควิน (Di-iodohydroxyquin) เหน็บครั้งละ 1 เม็ด เช้าและก่อนนอน ติดต่อกัน 7-14 วัน ถ้ามีเพศสัมพันธ์ควรใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

SHARE